หนองคาย 31 มี.ค.- ผอ.รพ.หนองคาย นำทีมกุมารแพทย์ดูแลเต็มที่เด็กหญิง 14 ปี ป่วยเหงื่อเป็นเลือด ยกเป็นเคสศึกษาทางการแพทย์ ชี้ไม่ใช่โรคร้ายแรง พร้อมทำใบส่งตัวไป รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย
เมื่อเวลา 11.00 น. (31 มี.ค.) นพ.ศุภชัย จรรยาผดุงพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองคาย นพ.สุรพล เอียตระกูลไพบูลย์ และ พญ.ฤดีมน สกุลคู กุมารแพทย์ แถลงการดูแลเด็กหญิงพิมพ์มาดา เทียนทอง อายุ 14 ปี ป่วยด้วยโรคเหงื่อออกเป็นเลือดว่า โรคเหงื่อเป็นเลือด หรือ Hematidrosis นั้นมีโอกาสพบน้อยมาก และยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค กรณีผู้ป่วยรายนี้ถือเป็นผู้ป่วยโรคเหงื่อออกเป็นเลือดรายแรกในจังหวัดหนองคาย ยืนยันว่าเด็กป่วยจริง เลือดที่ออกมาตามหู ตา จมูกนั้นเป็นเลือดที่ไหลปนมากับเหงื่อ ซึ่งเป็นกรณีศึกษาสำหรับคณะแพทย์ด้วยเช่นกัน ทางโรงพยาบาลหนองคายได้ทำเอกสารส่งตัวเพื่อไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น แล้ว จะได้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองอีกทางหนึ่ง และให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลค่ายบกหวานช่วยดูแลอาการเบื้องต้นหรือด้านเอกสารร่วมด้วย
พญ.ฤดีมน กล่าวว่า แม้สาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าจะสัมพันธ์กับระบบประสาทที่ถูกกระตุ้น เวลามีอาการมักจะเกิดช่วงที่ภาวะเครียด หรือหลังออกกำลังกาย ปัจจัยทางอารมณ์ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดมีอาการ ช่วงที่มีเลือดออกผู้ป่วยต้องใช้ผ้าซับ ไม่เครียดวิตกเกินไป เพราะเลือดที่ออกปนมากับเหงื่อนั้นเป็นปริมาณน้อยกว่าการเป็นแผลสด ร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ อาการที่มีเลือดออกจะอยู่ประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นโรคก็จะหายไปเอง ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการลมชักด้วยนั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เลือดออก แต่ไม่เสมอไปทุกราย
ด้าน นพ.สุรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผู้ป่วยมีเลือดออกมากผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ดูว่ามีภาวะซีดหรือไม่ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ป่วยรายใดรุนแรงจนถึงขั้นให้เลือด โรคนี้ดูแล้วเหมือนจะน่ากลัว ทำให้ผู้พบเห็นหรือญาติเห็นว่าผู้ป่วยเป็นโรคที่รุนแรง แต่ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากโรคนี้ ดังนั้น การรักษาส่วนใหญ่คือต้องให้ความเชื่อมั่นกับญาติและผู้ดูแลว่าโรคเหงื่อออกเป็นเลือดไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง สามารถหายเองได้ ผู้ดูแลต้องให้การสนับสนุนทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ และดูแลจิตใจของผู้ป่วยเพราะผู้ป่วยอยู่ในช่วงวัยรุ่นอาจมีความเครียด วิตกกังวล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เลือดออกได้ ต้องให้กำลังใจให้ผู้ป่วยอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ.-สำนักข่าวไทย