เด็กอินโดนีเซียป่วยหลังกินขนมตามคลิปใน “TikTok”

จาการ์ตา 17 ม.ค. – เด็กอินโดนีเซียกว่า 20 คน มีอาการเจ็บป่วยหลังแห่ทำตามเทรนด์คลิปสั้นในติ๊กต็อก (Tiktok) แอปพลิเคชั่นวิดีโอสั้นยอดนิยมของจีน ด้วยการกินขนมท้องถิ่นผสมกับไนโตรเจนเหลว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในติ๊กต็อกในชื่อ ‘ดรากอนส์ เบรธ’ (dragon’s breath) หรือแปลเป็นไทยว่า ลมหายใจมังกร


รัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศเตือนภัยจากการใช้ไนโตรเจนเหลวในอาหารพร้อมรับประทาน และเรียกร้องให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ไนโตรเจนเหลวหลังเด็กอินโดนีเซียหลายคนมีอาการแสบท้องและท้องเสียหลังกินขนมท้องถิ่นชื่อ ‘ชิกิ เกบุล’ (chiki ngebul) หรือ ‘ชิกิบุลิส’ (chikibulis) ซึ่งมีลักษณะเป็นขนมหลากสีสันที่มีควันสีขาวของไนโตรเจนเหลวปกคลุม ขณะที่ นพ. ดิคกี บูดิแมน แพทย์ชาวอินโดนีเซียและนักวิจัยด้านความปลอดภัยทางสุขภาพทั่วโลกของมหาวิทยาลัยกริฟฟิธในออสเตรเลีย ระบุว่า ไนโตรเจนเหลวทำให้ขนมดังกล่าวมีควันปกคลุมขณะรับประทาน แต่ถ้าเด็กกินขนมก่อนที่ไนโตรเจนเหลวระเหย ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออาการแสบร้อนในลำไส้และกระเพาะทะลุ และในผู้ป่วยบางรายก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

นายแม็กซี เรน รอนโดนูวู เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย ระบุในแถลงการณ์ว่า ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานเด็กอินโดนีเซียเสียชีวิตจากการกินขนมดังกล่าว แต่มีเด็กราว 25 คนที่มีอาการเจ็บป่วย และมี 2 คนที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยคาดว่าอาจมีตัวเลขเพิ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียได้ประกาศขอความร่วมมือให้สำนักงานสาธารณสุขท้องถิ่นกำชับร้านอาหารที่ใช้ไนโตรเจนเหลวในการทำอาหารให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค สั่งห้ามร้านหาบเร่แผงลอยขายขนมชนิดนี้ และสั่งให้โรงเรียนสอนเด็กนักเรียนเกี่ยวกับอันตรายของไนโตรเจนเหลวอีกด้วย


หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า มีหลายคลิปวิดีโอในติ๊กต๊อกที่แสดงให้เห็นภาพเด็กวัยรุ่นและเด็กเล็กชาวอินโดนีเซียหลายคนได้แห่กันทำตามเทรนด์ด้วยการรับประทานขนมท้องถิ่นดังกล่าวพร้อมพ่นควันสีขาวออกมาจากปาก โดยที่มีคลิปวิดีโอหนึ่งมียอดผู้เข้าชมสูงถึงเกือบ 60,000 ครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ.-สำนักข่าวไทย

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

บั้งไฟสิบล้านตกใส่โรงสีข้าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

บั้งไฟสิบล้านตกใส่โกดังโรงสีข้าว หลังคาทะลุ โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ด้านโรงสีไม่ได้แจ้งความหรือดำเนินคดี

กกต. เผยเลือกตั้งเทศบาล มีคำร้อง 352 เรื่อง เตือนอย่าทำผิด กม.

ประธาน กกต. เผยยอดคำร้อง “เลือกตั้งเทศบาล” เพิ่มเป็น 352 เรื่อง เตือนอย่าทำผิดกฎหมาย พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ คาดรู้ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เกิน 4 ทุ่ม