กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนวัยคะนองพึงระวัง ชกต่อยหวังเอาเครื่องหมายสถานศึกษา โทษหนักหมดอนาคต
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่มีเหตุเด็กนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ถูกคนร้ายเป็นชาย 3 ราย ชักอาวุธมีดขึ้นมาข่มขู่ และลงมือชกต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของเด็กนักเรียนที่กำลังเดินกลับบ้าน เพื่อต้องการชิงเข็มพระเกี้ยว ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของสถาบันดังกล่าวนั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเตือนไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่มีความคิดว่าการแย่งชิงตราสัญลักษณ์ของสถาบันการศึกษาอื่น เป็นเรื่องสนุกของวัยรุ่น ทำให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อน เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด หากแต่เป็นการกระทำที่ขาดการยั้งคิด และเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมายที่ได้บัญญัติไว้ ซึ่งการที่บุคคลใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ยื่นซึ่งทรัพย์นั้น หรือเพื่อเอาทรัพย์นั้นเป็นของตน จะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และหากร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ซึ่งอัตราโทษจะขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ ซึ่งสรุปได้ดังนี้
สำหรับความผิดฐานชิงทรัพย์ ผู้กระทำผิด 1-2 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000-200,000 บาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-400,000 บาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 300,000-400,000 บาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ความผิดฐานปล้นทรัพย์ ผู้กระทำผิด 3 คนขึ้นไป ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10-15 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-300,000 บาท ผู้กระทำความผิดคนใดคนหนึ่ง พกอาวุธติดตัวไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 12-20 ปี และปรับตั้งแต่ 240,000-400,000 บาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี กระทำโดยแสดงความทารุณ เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ใช้ปืนยิง วัตถุระเบิด หรือกระทำทรมาน ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษประหารชีวิต
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองและน้อง ๆ เด็กและเยาวชนที่อาจอยากได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน โดยไม่ได้คำนึงว่าการกระทำของตนว่าเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ขอให้คิดถึงอนาคตและผลที่ตามมาจากการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว และขอให้ผู้ปกครองให้คำแนะนำและตักเตือนบุตรหลานของท่าน เกี่ยวกับข้อกฎหมายที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนกระทำความผิด ทั้งนี้ หากมีพี่น้องประชาชนตกเป็นเหยื่อ หรือพบเห็นเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว สามารถโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย