พรรคเพื่อไทย 7 มิ.ย.- “พิชัย” จี้ “พล.อ.ประยุทธ์” รับมือ 3 ปัญหาหนัก ราคาพลังงาน -เงินทุนไหลออก -รายได้เพิ่มไม่ทันเงินเฟ้อ ชี้ เศรษฐกิจแม้ดูดีขึ้น แต่อัตราขยายตัวต่ำ ไม่มีทิศทางอนาคต แนะ นายกฯทำงานหนัก เหมือน ผู้ว่าฯชัชชาติ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยแม้จะเริ่มดีขึ้นบ้างจากการเปิดประเทศ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาบ้าง และการส่งออกยังขยายตัว แต่เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้ดีจริงและยังมีปัญหาอีกมาก ทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย ปัญหาเงินเฟ้อสูง โดยล่าสุดเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมพุ่งถึง 7.1% ปัญหาหนี้ ทั้งหนี้ประเทศ หนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจ และหนี้เสียพุ่ง ที่เตือนมาเป็นปีๆแล้ว ซ้ำเติมด้วยดอกเบี้ยขาขึ้นปัญหาราคาน้ำมัน และราคาพลังงาน ซึ่งผลกระทบของปัญหาเหล่านี้จะมากขึ้นเรื่อยๆ และจะสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ดีจริงอย่างที่คาดกันไว้ โดยอยากจะขอเตือน 3 ปัญหาสำคัญที่พลเอกประยุทธ์ ต้องรีบรับมือ โดยสิ่งแรก จะต้องเร่งหาทางแก้ไขและรับมือ การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเพื่อให้ประคองชีวิตอยู่ได้ รัฐวิสาหกิจของรัฐน่าจะเสียสละกำไรบางส่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน และเร่งเจรจาหาแหล่งพลังงานราคาถูกมาใช้ในประเทศ
นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศยังมีปัญหาเงินทุนไหลออก จากข้อมูลล่าสุดเงินทุนสำรองระหว่างของประเทศไทยอยู่ที่ 227.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลงอย่างรวดเร็วจากเงินทุนสำรองใน 245.0 พันล้านเหรียญในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งลดลง 1.75 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท ในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งหากทิศทางเป็นเช่นนี้กระแสเงินทุนไหลออกจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะกระทบความมั่นคงทางการเงินของประเทศได้ ดังนั้นอยากขอเตือน พลเอกประยุทธ์ และธนาคารแห่งประเทศไทยให้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะธนาคารกลางสหรัฐกำลังจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในอีก 2 สัปดาห์ จากตัวเลขการจ้างงานที่ดี ซึ่งหาก ธปท. ประกาศว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้เหมือนที่ประกาศไปแล้ว เงินทุนอาจจะไหลออกมากขึ้น และ ค่าเงินบาทอาจจะอ่อนลงอีก และราคาน้ำมันอาจจะแพงขึ้นไปอีก ทั้งนี้ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นจุดแข็งเดียวที่ประเทศไทยยังมีอยู่ หากความมั่นใจลดลงจะเป็นปัญหาอย่างมากของประเทศไทย
นายพิชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหารายได้ของคนไทยขยายตัวไม่ทันเงินเฟ้อ โดยเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมพุ่งสูงถึง 7.1% ซึ่งเงินเฟ้อของไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 4.9% หรือ มากกว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ ไม่ได้เพียง 3.5% ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์ แถลงที่สภา แต่เศรษฐกิจไทยจะขยายได้ต่ำมาก ซึ่งจะทำให้รายได้ประชาชนเพิ่มไม่พอกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น หรือหาเงินได้พอใช้จ่าย เพราะข้าวของแพงขึ้น ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ จะต้องหาทางเพิ่มรายได้ของประชาชน งบประมาณปี 2566 ที่เพิ่มผ่านการเห็นชอบจากสภาไม่น่าจะทำให้รายได้ของประชาชนเพิ่มได้ทันรายจ่าย
“ทั้ง 3 ปัญหานี้จะรุนแรงเพิ่มขึ้นและจะเป็นปัญหาหนักของประเทศไทยและคนไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากพลเอกประยุทธ์ ไม่เร่งแก้ไขและหาทางออก ซึ่งต้องมีแผนระยะสั้น และระยะยาวรองรับ อยากให้พลเอกประยุทธ์ ทำงานหนักเหมือน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ปัจจุบัน โดยพรรคเพื่อไทยมีแผนงานรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว และได้คิดและเตือนล่วงหน้ามานานแล้ว”นายพิชัย กล่าว.สำนักข่าวไทย