รัฐสภา 2 มิ.ย.- “ยุทธพงศ์” จ่อซักฟอก “นายกฯ-ขุนคลัง” ปมท่อส่งน้ำอีอีซี พร้อมแฉ “ทร.” เตรียมซื้อยูเอวีแพงกว่าฟิลิปปินส์ถึงพันล้านบาท ส่อไม่โปร่งใส แฉ ซื้อขายตำแหน่งในกรมทรัพยากรน้ำโดย “เฮีย ซ.โซ่”
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยเปิดประเด็นกับกระทรวงการรคลังต่อการเปิดประมูลโครงการท่อส่งน้ำในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) โดยย้ำถึงการเปิดประมูลที่ส่อว่าไม่โปร่งใส ขัดต่อการประกาศวิสัยทัศน์ของหน่วยงาน ทั้งนี้ในกลางเดือนกรกฎหาคม หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานอีอีซี ไม่ทำให้โปร่งใส เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน จะถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการที่ราชพัสดุ และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่รับมอบอำนาจจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เป็นกรรมการที่ราชพัสดุ ทั้งนี้ ก่อนจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้สอบกรรมการที่ราชพัสดุ จำนวน 6 คน ที่ยกเลิกการประมูลในครั้งแรก ทำให้บริษัทอีสวอเตอร์ เสียสิทธิ์
นายยุทธพงศ์ ตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ที่พบการจัดสรรการซื้อยุทโธปกรณ์ ส่อไม่โปร่งใส โดยในส่วนของกองทัพเรือ พบว่าปี 2566 มีคำของบประมาณ 4.03 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่อว่า ตั้งงบประมาณไม่เหมาะสม เพราะซื้อเรือดำน้ำจี S26-T แต่ไม่มีเครื่องยนต์ และจัดงบประมาณเพื่อซื้ออากาศยานไร้คนขับ หรือ ยูเอวี รุ่นเฮอเมส 900 จากบริษัทในประเทศอิสราเอล ที่พบว่ามีอัตราการตกบ่อย โดยจะซื้อ 3 ลำ งบประมาณ 4,070 ล้านบาท ลำละ 1,340 ล้านบาท ขณะที่กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ ซื้อเพียงลำละ 340 ล้านบาท ซึ่งไทยซื้อมาในราคาแพงกว่าลำละ 1,000 ล้านบาท ดังนั้นการใช้งบประมาณของกองทัพประเทศไทยนั้น ไม่โปร่งใส
นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกองทัพอากาศ ในปี 2566 ของบประมาณเพื่อซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A มูลค่า 2,700 ล้านบาท ซึ่งมีเพียงเครื่องบินและเครื่องยนต์ แต่ไม่มีอาวุธ
“ราคาเครื่องบินรุ่นดังกล่าวมีราคาแพง ต้องมีค่าใช้จ่ายบินเป็นชั่วโมงละ 1.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ F16 ชั่วโมงละ 2 แสนบาท ถือว่า แพงขึ้น 6 เท่าตัว ในช่วงที่ประเทศมีวิกฤตงบประมาณ โควิด-19 และราคาน้ำมัน ดังนั้นขอให้พล.อ.ประยุทธ์เลือกว่า จะช่วยประชาชนที่เดือดร้อน หรือซื้อเรือดำน้ำ และเครื่องบิน ที่ไม่รู้ว่าจะรบกับใครในสถานการณ์ปัจจุบัน” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าจะให้การปราบคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ ตนจึงมีข้อมูลและหลักฐานที่เตรียมมอบให้ คือ พบการซื้อขายตำแหน่งและเรียกรับเงินในกรมทรัพยากรน้ำที่เปิดสอบคัดเลือก ผู้ตรวจราชการกรมทรัพยากรน้ำและผู้อำนวยการสำนักด้านวิศวกรรมระดับสูง สำนักอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำ คือ ระดับซี 9 เมื่อเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ ข้าราชการน้ำดีสอบตามอาวุโส และคุณสมบัติ ปรากฎว่า มีบุคคลลึกลับ ชื่อ “เฮีย ซ.” โทรศัพท์ เรียกเงิน แปดหลักจากข้าราชการ แต่ข้าราชการไม่มีเงินจ่าย ทำให้การคัดเลือกดังกล่าวถูกเลื่อนออกไป
“คำถามคือ เหตุการณ์แบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าปราบโกงเป็นวาระแห่งชาติ กล้าปราบหรือไม่ ขอให้ส่งคนมาติดต่อ และให้ผมเข้าพบ ผมพร้อมเข้าพบ และมีหลักฐาน ทำไมไม่ทำ เฮีย ซ. มีอิทธิพลมากในกรมทรัพยากรน้ำ” นายยุทธพงศ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย