พิษณุโลก 6 พ.ค. – งานเข้าอย่างแท้จริง สำหรับเจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม เจ้าของป้ายไวนิลไล่ “หมอปลา” ล่าสุดล่องหนหายตัวจากวัด หลังออกมายอมรับฉันหมูกระทะและดื่มสุรา ด้านเจ้าคณะจังหวัดฯ เผยกำลังตรวจสอบทรัพย์สินทุกชิ้นของวัดได้มาถูกต้องหรือไม่
หลังจากที่ “หมอปลา” นำทีมบุกไปสอบถามข้อเท็จจริง ที่วัดใหม่พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เมื่อวานนี้ (5 พ.ค.) กรณีติดป้ายขับไล่ตนเอง วันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา หลังพระครูธีรศาสน์กิจจาทร เจ้าอาวาสวัด ออกมายอมรับว่า ดื่มสุราและฉันหมูกระทะ ไม่มีใครพบเห็นเจ้าอาวาสวัด และติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ ขณะนี้ไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสวัดไปที่ใด ส่วนรองเจ้าอาวาสจะลาสิกขาภายใน 1-2 วันนี้ เพราะรู้สึกไม่สบายใจ
ด้านพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดฯ วันนี้ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวแบบสั้นๆ เบื้องต้นว่า ขณะนี้ทางพระชั้นผู้ใหญ่กำลังประชุมปรึกษาหารือกัน คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3 วัน ก็จะเป็นการตรวจสอบทั้งวัด ทั้งพระภิกษุสงฆ์ และเรื่องของทรัพย์สินภายในวัด โดยท่านเจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม เป็นผู้ตั้งทีมตรวจสอบ ส่วนตัวเจ้าอาวาสที่ได้ออกมากล่าวว่าจะลาสิกขาภายใน 3 วันนั้น ถือว่าท่านพูดต่อหน้าสาธารณะ ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ขอเวลาให้คณะสงฆ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้มากที่สุด
จากการสอบถามภายในวัดใหม่พรหมพิราม ทราบว่า หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องนี้ วัดจะเหลือพระลูกวัด 3 รูป ส่วนจะตั้งพระรูปใดมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้น ยังไม่ทราบ เพราะพระครูธีรศาสน์กิจจาทร ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม เป็นเวลา 17 ปี อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลวงฆ้อง เขต 2 ด้วย
โดยเมื่อวานนี้ ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวและ “หมอปลา” บุกไปที่วัด เจ้าอาวาสยอมรับต่อหน้านักข่าวว่า ดื่มเหล้าจริง แต่ไม่บ่อย จะดื่มเฉพาะเวลาเครียดเท่านั้น และยอมรับว่าเพิ่งฉันไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนเรื่องหมูกระทะก็ยอมรับเช่นกันว่า เคยมีการโทรสั่งมาฉันและเลี้ยงพระลูกวัดจริง
ขณะที่ตัวแทนชาวบ้าน บอกว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ในพื้นที่ ชาวบ้านรุ่นต่อรุ่นมาทำบุญที่นี่กันเรื่อยมา จนเมื่อ 3 ปีก่อน ทราบเรื่องเจ้าอาวาสประพฤติตนไม่เหมาะสม เจ้าอาวาสขอโอกาสญาติโยมอีกครั้ง ชาวบ้านก็ให้โอกาส แต่คนก็เริ่มห่างวัด มาทำบุญน้อยลง แล้วตอนนี้ก็ยังทำอีก และทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง ถึงชาวบ้านจะไม่ขับไล่ เพราะเห็นเป็นพระที่บวชมานานถึง 35 ปี แต่ก็ให้ท่านไปพิจารณาตนเองว่า สมควรที่จะสึกแล้วหรือไม่. – สำนักข่าวไทย