กัมพูชา 20 มี.ค.-นักอนุรักษ์ชาวกัมพูชาจะช่วยม้าน้ำที่กำลังถูกคุกคามอย่างหนักให้รอดพ้นจากการล่าของชาวประมงอวนลากอย่างไร ติดตามในสารคดีโลก
ม้าน้ำที่ดำรงชีวิตอยู่ใต้น้ำมานานถึง 40 ล้านปี กำลังเผชิญกับมหันตภัยมากมาย และศัตรูอันดับหนึ่งของพวกมันก็คือชาวประมงอวนลาก ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชาอย่างเวียดนาม ทำให้สัตว์น้ำทั้ง ปู ปลา ม้าน้ำไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต้องติดแหของอวนลากขึ้นมาด้วย เหตุที่มีการลักลอบทำประมงอย่างผิดกฎหมาย เพื่อนำม้าน้ำไปขายก็เป็นเพราะกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะชาวเอเชีย อย่างไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม และจีน ซึ่งต้องการนำไปเป็นส่วนผสมทำยาแผนโบราณ ทำให้จำนวนม้าน้ำลดลงมาก
ตามตำรายาจีนโบราณจะนำม้าน้ำไปบดเป็นผง หรือนำไปตากแห้งไว้รับประทาน เชื่อว่าจะช่วยรักษาโรคได้มากมาย ตั้งแต่โรคไตไปจนถึงศีรษะล้าน รวมทั้งผลิตเหล้าผสมม้าน้ำบรรจุขวดขายเป็นยาชูกำลัง ทำให้แต่ละปีมีม้าน้ำถูกจับไปถึง 20 ล้านตัว ข้อมูลของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส ระบุว่ามีม้าน้ำมากกว่า 630,000 ตัว ถูกนำเข้าไปยังสหรัฐในช่วงปี 2547-2557
โรเจอร์ บรูเจ็ต นักอนุรักษ์ บอกว่า ม้าน้ำเป็นสัตว์สัญลักษณ์อย่างหนึ่งซึ่งผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ เช่นเดียวกับหมีแพนด้า หากปกป้องม้าน้ำไว้ได้ก็เท่ากับได้ปกป้องสิ่งแวดล้อมที่พวกมันอาศัยไว้ด้วย
กลุ่มอนุรักษ์ทางทะเลของกัมพูชากำลังศึกษาหาทางปกป้องม้าน้ำไม่ให้ถูกชาวประมงอวนลากจับไป โดยส่งนักประดาน้ำลงไปค้นหาม้าน้ำในทะเล ถ่ายรูปพร้อมทั้งบันทึกรายละเอียดต่างๆ และช่วยปลดพวกมัน รวมทั้งสัตว์น้ำต่างๆ ที่ติดแหให้เป็นอิสระ แล้วฉีดสีย้อมชนิดพิเศษเข้าไปในตัวม้าน้ำ เพื่อช่วยในการเฝ้าสังเกตติดตามการดำรงชีวิตและปรับตัวของพวกมัน แต่การทำงานของกลุ่มอนุรักษ์ก็ไม่ได้ราบรื่น หลายครั้งต้องปะทะกับชาวประมงอวนลากกลางทะเล
ในกัมพูชาถือว่าการซื้อขายและนำม้าน้ำไปทำผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และการเคลื่อนไหวของกลุ่มอนุรักษ์แม้จะครอบคลุมพื้นที่ไม่มากนักแต่ก็ช่วยฟื้นสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นให้ม้าน้ำและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพิ่มจำนวนขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย