กรุงเทพฯ 19 เม.ย. – กรมอนามัยแนะกินข้าวเหนียวมะม่วงปริมาณพอดี ได้คุณค่าโภชนาการ ย้ำมะม่วงสุกมีวิตามินและแร่ธาตุหลายอย่าง ช่วยส่งเสริมสุขภาพ บำรุงผิวพรรณ และคลายความร้อน ทำให้ร่างกายสดชื่น
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงหน้าร้อนข้าวเหนียวมะม่วงเป็นเมนูยอดนิยมหากินได้ง่าย มะม่วงสุกกินแล้วคลายความร้อน ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ซึ่งเนื้อมะม่วงสุกมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ได้แก่ วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา ใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย วิตามินซี ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ กะทิยังช่วยให้วิตามินเอและอีจากมะม่วงดูดซึมได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรกินข้าวเหนียวมะม่วงมากเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกิน และกระตุ้นอาการร้อนใน เจ็บคอ การกินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อย ไม่เสียสุขภาพ จึงควรกินในปริมาณที่ไม่มากและบ่อยเกินไป พร้อมทั้งควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยเผาผลาญพลังงานแต่ละวันด้วย
พญ.สายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า ข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารว่างที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง แต่สามารถกินได้ โดยปฏิบัติตามข้อแนะนำ ดังนี้ ผู้ที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว สามารถกินข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารว่างได้ ประมาณ 150–200 กิโลแคลอรีต่อวัน แบ่งเป็นมื้อเล็ก ๆ ข้าวเหนียวมูล 50 กรัม หรือ 1 ทัพพี ให้พลังาน 140 กิโลแคลอรี และมะม่วงสุกครึ่งผลให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี เมื่อรวมกันแล้วจะเท่ากับ 200 กิโลแคลอรี ซึ่งจะใกล้เคียงกับพลังงานของอาหารว่างต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานสมดุลต่อวัน มื้อไหนหากกินข้าวเหนียวมะม่วงแล้ว ควรงดของหวานอื่น และออกกำลังกาย เพื่อช่วยเผาผลาญพลังงาน ส่วนผู้มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากข้าวเหนียวมะม่วงให้พลังงานสูง
นอกจากนี้ ควรกินข้าวเหนียวมะม่วงช่วงเวลากลางวัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องใช้พลังงาน ทำกิจกรรมต่าง ๆ เลี่ยงกินตอนมื้อเย็น เนื่องจากมีกิจกรรมที่ต้องทำน้อย พลังงานที่ได้รับอาจเผาผลาญ และนำไปใช้ไม่หมด เกิดเป็นไขมันสะสมตามร่างกายได้ และผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ควรต้องระมัดระวัง เพราะข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารที่มีน้ำตาล และไขมันค่อนข้างสูง ส่วนผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยงกินมะม่วงสุก เพราะมีปริมาณโพแทสเซียมสูง การกินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อย แบบไม่เสียสุขภาพ ควรกินพอประมาณ ไม่มากหรือบ่อย และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้สมดุลกัน เพื่อจะได้ป้องกันร่างกายไม่ให้รับอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป ควรลดปริมาณอาหารอื่นที่มีส่วนประกอบของไขมัน น้ำตาล และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดี.-สำนักข่าวไทย