กทม. 14 เม.ย.-“ปริญญ์” แถลงยอมรับ “ช็อก” ข่าวลวนลามนักศึกษาสาว ห่วงกระทบพรรค ขอลาออกจากทุกตำแหน่งของประชาธิปัตย์ พร้อมสู้คดี ยันไม่ใช่เรื่องจริง ปัดฟ้องกลับ ขอพิสูจน์ความจริงในกระบวนการยุติธรรม แจงโทรหาแม่ผู้เสียหาย เพราะแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมคุย ไม่หนี
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเปิดใจครั้งแรก หลังถูกกล่าวหาว่า เป็นนักการเมืองที่ไปลวนลามนักศึกษาวัย 18 ปี ที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ และผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ลุมพินี โดยระบุว่า รู้สึกช็อกและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเห็นในโซเชียลมีเดีย และขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ทุกข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นขอปฏิเสธไม่ใช่เรื่องจริง เชื่อว่าหลายคนรู้จักตนเองดีว่าตนเองไม่ใช่คนแบบนั้น และก็เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของตนเอง เพราะที่มั่นใจเนื่องจากเป็นข้อกล่าวหาโดยตรงกับตนเอง ถึงแม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็ไปกระทบในการทำงาน และหน้าที่ภารกิจของพรรคประชาธิปัตย์ ตนเองจึงต้องขอรับผิดชอบกับงาน เพื่อไม่ให้กระทบกับภาพลักษณ์การทำงานของตนเองและพรรค จึงขอลาออกจากทุกตำแหน่ง และยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยพร้อมไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อถามย้ำถึงข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นว่าจริงหรือไม่ นายปริญญ์ ยืนยันอย่างที่พูดไปว่า ตนเองไม่ใช่คนแบบนั้น และเป็นเรื่องไม่จริง ซึ่งก็ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุตอธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
ทั้งนี้ได้ปรึกษา คุณพ่อกับคุณแม่หรือไม่ นายปริญญ์ ระบุว่า พ่อแม่ทุกคนเป็นห่วง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ตนเองต้องชี้แจงกับพนักงานสอบสวน และไม่อยากมองเรื่องการฟ้องกลับทนายษิทรา เพราะคนเราหากทำอะไรผิดไว้ในอนาคตก็จะได้เห็นกัน ซึ่งก็ให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำงาน และขอยังไม่ลงในรายละเอียดเพราะจะไปกระทบผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเชื่อว่าอาจจะใช้เวลาหน่อยและตำรวจจะให้ความเป็นธรรมเรื่องนี้ได้ดีที่สุดและให้ตนเองสามารถพิสูจน์ความจริงได้
นักข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองหรือไม่นั้น นายปริญญ์ บอกว่า ไม่อยากจะไปคิดว่าจะต้องเกี่ยวกับเรื่องอะไร หรือเป็นประเด็นการเมือง เพราะสิ่งที่โดนกล่าวหาไม่ใช่ความจริง และให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งผู้ใหญ่ภายในพรรคก็ปล่อยให้ตนเองตัดสินใจเต็มที่ และตนเองตัดสินใจด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อวานนี้ ไม่ได้ถูกกดดันจากผู้ใหญ่ในพรรค และผู้ใหญ่รับทราบในการตัดสินใจที่ตนเองลาออกในทุกตำแหน่ง รวมถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่านก็พูดคุยและเคารพการตัดสินใจของตนเองเช่นกัน และนายจุรินทร์ ก็ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร
พร้อมยอมรับว่า ส่วนตัวอยากทำงานช่วยพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม แต่เมื่อกระทบภาพลักษณ์ที่ดีมาโดยตลอด ก็ต้องตัดสินใจลาออก ส่วนในอนาคตเมื่อพิสูจน์ความจริงแล้วจะกลับมาทำงานการเมืองหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต เพราะที่ผ่านมาตนเองห็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่
นักข่าวถามอีกว่า ถ้าไม่ได้กระทำจริง ทำไมต้องโทรหาแม่ของผู้เสียหาย นายปริญญ์ ระบุว่า เพื่อเป็นการแสดงเจตนาบริสุทธิ์ใจ และให้รู้ว่าตนเองไม่ได้หนีไปไหน หากแม่ไม่สบายใจให้สามารถเจอและคุยกันได้ เพราะตนเองไม่ได้หนีปัญหา เมื่อมีคนมากล่าวหาก็ยินดีพบปะพูดคุย ส่วนรายละเอียดทั้งหมด เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงขอไปให้การกับพนักงานสอบสวน เพราะเชื่อว่าจะให้ความเป็นธรรมได้
นักข่าวถามต่อว่า ทำไมจะต้องมีการนัดน้องที่เป็นผู้เสียหายไปเจอที่โรงแรม นายปริญญ์ ระบุยอมรับว่า ไม่ใช่โรงแรม แต่เป็นร้านอาหารแบบเปิด มีคนแน่นร้าน เป็นเวลาประมาณ 17.00น. และไม่ได้เจอกันสองต่อสอง ช่วงเวลานั้นคนเยอะมาก ส่วนรายละเอียดถ้าพูดออกไปตอนนี้ก็จะไม่เป็นผลดีกับตนเองและผู้เสียหาย
ส่วนที่น้องได้ขอความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์จริงหรือไม่นั้น นายปริญญ์ บอกว่า ได้มาขอความรู้หลายเรื่องเลย แต่ข้อกล่าวหาไม่ใช่ความจริง ก่อนจะยกมือไหว้กับสื่อมวลชนว่า รายละเอียดนั้นขอความกรุณาให้ตนเองไปชี้แจงกับพนักงานสอบสวน และเชื่อว่าความจริงจะปรากฎเมื่อตนเองได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ซึ่งตลอดการให้สัมภาษณ์ นายปริญญ์ ได้ยกมือไหว้นักข่าวเป็นระยะ เมื่อถูกถามย้ำถึงรายละเอียดรูปคดี ส่วนที่ทนายษิทรา มีการพูดถึงคดีที่อังกฤษนั้น นายปริญญ์ ชี้แจงว่า คดีนั้นจบไปนานแล้วและไม่ได้มีอะไรที่มากระทบกับคดีนี้.-สำนักข่าวไทย