สำนักงานกกต. 16 มี.ค.-“เรืองไกร” ร้องกกต.สอบส.ส. “ยุคยิ่งลักษณ์” เอี่ยวแปลงงบสพฐ. พบ 10 พรรคได้โควต้า 4 พันกว่าล้าน แนะนายกฯ สอบต่อ พร้อมเสนอตัวนำทีมสอบ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ยื่นหลักฐานการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และการชี้มูลความผิดกรณีทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอล เพื่อให้กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตรวจสอบ ส.ส.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้รับงบแปรญัตติปี 2555 จากบัญชีคุมยอดรายการงบแปรญัตติเพิ่มเติมปี 2555 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) หรือที่เรียกว่าใบโควต้า ซึ่งพบว่าในใบโควต้ามี 10 พรรคการเมืองที่ได้รับงบแปรญัตติรวม 4,159.42 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 168 วรรคหก ให้กกต.ตรวจสอบ
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากข้อมูลสำนวนของป.ป.ช.ที่ชี้มูล และส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีเพียง 6 โรงเรียนที่พบการทุจริต ความเสียหาย 90 ล้านบาท แต่ความจริงเป็นงบประมาณกว่า 4 พันล้านบาท เป็นการให้ปากคำจากเจ้าหน้าที่สพฐ.ที่อ้างว่าเมื่อแปรญัตติแล้ว กมธ.มีมติยังไม่ลงรายละเอียดให้รอของส.ส.แต่ละคน โดยมีส.ส.จาก 10 พรรคการเมือง มีทั้งส.ส.และคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่ามีส.ส.จากพรรคเพื่อไทยกว่า 100 รายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์เกือบ 200 รายชื่อ ภูมิใจไทยประมาณ 29 รายชื่อ นอกจากนี้ยังพบพรรคพลังชลและชาติไทยพัฒนา
“เมื่อดูรายชื่อส.ส.ของแต่ละพรรคแล้ว ทำให้รู้สึกแปลกใจและอยากจะตำหนิติติงป.ป.ช.ว่าหลุดรายชื่อได้อย่างไร ทั้งนี้ จากหลักฐานของพรรคเพื่อไทยปรากฏว่ามีรายชื่อ เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล อดีตรมว.ศึกษาธิการ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำพรรคฝ่ายค้าน นายบุญทรง เตมิยาภิรมย์ น.ส.ปาริชาติ ชาลีเครือ และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏชื่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ยอดเป็นศูนย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคขณะนั้น นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรค นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นายนคร มาฉิม และนายวุฒิพงษ์ นามบุตร” นายเรืองไกร กล่าว
นายเรืองไกร กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ปรากฎชื่อนายบุญจงค์ วงศ์ไตรรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายชัย ชิดชอบ นางพรทิวา นาคาศัย และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินปรากฎชื่อนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ซึ่งบางรายชื่อมีการโยกงบประมาณ ทำให้ต้องตรวจสอบ เมื่อป.ป.ช.ไม่ได้ ส่วนรายชื่อทั้งหมดขอใช้เวลารวบรวมและจะเปิดเผย ไม่เกินภายใน 10 วัน โดยรายชื่อที่เปิดมาเป็นแค่หนังตัวอย่างเท่านั้น
“อยากฝากไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่ากล้าตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ต่อหรือไม่ ผมเป็นคนนอกตั้งให้ผม คณะกรรมการหรือคณะทำงานได้ ผมยินดี เพราะเคยมีประสบการณ์ในฐานะที่เคยกำกับดูแลงานตรวจสอบของคตส. ถ้าท่านนายกฯ เห็นเรื่องนี้จะทราบว่างบประมาณแผ่นดินแต่ละปี ทำไมส.ส.แย่งกันเป็นกมธ. เพราะทุกคนอยากไปแปรญัตติ ไปปรับลดทำงบเข้าตัวเองใช่หรือไม่ วันนี้หลักฐานปรากฏ การดำเนินคดีฟุตซอลไป ผมถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติบางคน บางกลุ่มหรือไม่ เพราะคนอีกเป็นร้อยคน ถ้าผมเอาทั้งแฟ้มไปร้องผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ทีมงานนายกฯตรวจเป็นหรือไม่ สิ่งสำคัญคนที่เป็นหัวหน้างานจะต้องเป็นคนบอกว่าเรียกเอกสารพวกนี้มาเจาะ ผมเคยทำงานอยู่ในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาก่อน รู้ว่าเงินแผ่นดินตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” นายเรืองไกร กล่าว
นายเรืองไกร กล่าวว่า โควต้าในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนไม่เคยตรวจสอบ แต่หลังจากที่เห็นเอกสารที่ส่งศาลฎีกาจึงติดใจว่าโควต้าที่ได้มานำไปให้ใคร และไปลงที่โรงเรียนไหนหรือลงตู้น้ำดื่มที่ไหน สนามกีฬาอะไร ขณะนั้นมีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ประธานอนุฯ ซึ่งเอกสารได้ผ่านมือนายวรวัจน์ รมว.ศึกษาธิการในขณะนั้น แต่ที่น่าแปลกใจเหตุใดจำนวนรายชื่อที่ได้รับงบฯ ประชาธิปัตย์มีรายชื่อเกือบ 200 คน มากกว่าพรรคเพื่อไทย ทั้ง ๆ ที่ปีงบประมาณ 2555 เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย การทำงานในสภา ฯ ประชาชนและสื่อมวลชนเห็น เขาเถียงกันทะเลาะกัน อภิปายไม่ไว้วางใจ แต่สุดท้ายงบประมาณเขาแบ่งกันแบบนี้หรือ
“วันนี้ท่านนายกฯ เงินแผ่นดินตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ต่อให้มีปัญหาก็ต้องสอบ ต้องเอาพฤติการณ์ออกมาให้หมด และฝากขอบคุณตอนจะแก้ ม. 114 รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ท่านนายกฯ เห็นแย้ง ซึ่งต้องถอยเพราะพฤติการณ์อย่างนี้หรือไม่ เรื่องนี้ผมพยายามจะย่อยจะสื่อ ถ้าผมไม่มีประสบการณ์ คิดว่าคนอื่นก็ร้องอย่างนี้ไม่ได้ เรื่องตัวเลขบัญชีการเงิน ภาษี แต่จะใช้ผมหรือไม่ก็แล้วแต่ ผมอยู่เฉย ๆ ก็สบาย” นายเรืองไกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย