กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – ทนายความชื่อดัง ระบุคำให้การของ “โบ TK” มีน้ำหนัก นำไปเป็นแนวทางสอบสวนได้ ส่วนทั้ง 5 คนที่ให้การไปก่อนหน้านี้ แม้พิสูจน์ได้ว่าให้การเท็จ ถือว่าไม่มีความผิด เพราะผู้ต้องหาจะให้การยังไงก็ได้
นายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวถึงการให้ปากคำของ โบ TK ในฐานะพยาน คดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า การให้การของโบ น่าสนใจมาก เป็นการพูดที่มีน้ำหนัก เพราะโบอยู่ในเหตุการณ์ เป็นคนที่ กระติก ติดต่อไปตั้งแต่แรก ยิ่ง โบ บอกว่า 5 คนบนเรือ พูดบิดเบือนจากสิ่งที่ตนเองรับรู้ในคืนเกิดเหตุ ยิ่งทำให้ตำรวจมีแนวทางสืบสวนจากพยานปากสำคัญ ซึ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ของโบ เมื่อคืนนี้ คลายความสงสัย และข้อกังขาของคนในสังคม ที่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าแตงโมเดินไปปัสสาวะท้ายเรือ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าถูกบิดเบือนจะเป็นอย่างไรต้องรอดูสำนวนของพนักงานสอบสวน
เมื่อถามว่า การที่ทั้ง 5 คนบนเรือให้การ ไม่ตรงกับความเป็นจริง จะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ทนายรณรงค์ ระบุว่า การให้การอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง ในทางกฎหมายก็ไม่ผิด เพราะผู้ต้องหา จะให้การยังไงก็ได้เพื่อให้ตนเองพ้นผิด ซึ่งสำหรับคดีนี้ มีความผิดปกติมากมาย โดยเฉพาะการเก็บพยานหลักฐานในคดี ซึ่งตามปกติแล้วต้องเก็บให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมงหรือ 12 ชั่วโมง แต่คดีนี้ กว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานได้ ล่วงเลยเวลามานาน ซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้จะมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ออกมาบอกว่า พนักงานสอบสวนมีเวลารวบรวม พยานหลักฐาน ต่างๆ ได้ 3-6 เดือน ก็ตาม เพราะพยานหลักฐานที่จะเอาผิดได้ เป็นพยานหลักฐาน ที่ต้องเก็บภายใน 12 ชั่วโมงหรือ 6 ชั่วโมงแรกเท่านั้น เพราะตามกฎหมาย พยานหลักฐานที่ได้หลังจากนั้น มีสิทธิถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในมุมมองของนักกฎหมาย คิดว่าคดีนี้จะออกมาในรูปแบบไหน ทนายรณรงค์บอกว่า แนวโน้มคดีนี้อาจออกมาได้ 2 มุม คือ 1. เคยมีคดีในอดีต มีคนขับเรือออกไปในทะเลช่วงพายุเข้าปรากฏว่าเรือพลิกคว่ำเกิดเหตุคนตายขึ้น พนักงานสอบสวนฟ้องคนขับเรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ปรากฏว่าในชั้นศาล ๆมองว่าการที่เรือพลิกคว่ำเป็นเหตุสุดวิสัย จึงเป็นเหตุให้คนตาย ศาลชั้นต้นยกฟ้อง อุทธรณ์ยกฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาคดีนี้ ซึ่งคดีนี้ ก็คล้ายกับคดีของแตงโม
- มีพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่าคดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นคดีฆาตกรรม ที่มีการปิดบังการตาย ซึ่งเรื่องนี้ พิสูจน์ค่อนข้างยาก ถ้าถามตนว่าคดีนี้จะออกมาในทิศทางไหน สำหรับตนมองว่า ในคดีอาญา อาจเอาผิด ได้แค่คนเดียว ตนยังรู้สึกแปลกใจมาก กับการที่พนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาเอาผิดถึง 2 คน ทั้งโรเบิร์ตและปอ เพราะถ้าดู ตามเนื้อในของกฎหมายแล้ว คำว่าประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องแสดงว่า คนๆ นั้น ต้องมีหน้าที่และละเลยในการทำหน้าที่ จนเกิดเหตุให้มีคนตาย คดีนี้ คนขับเรือ ที่ทำให้ แตงโม ตกเรือตาย จึงต้องมีเพียงคนเดียว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนขับเรือในช่วงแตงโมพลัดตกเรือถึง 2 คน ดังนั้น สุดท้ายแล้วคดีนี้อาจเหลือ ผู้ต้องหาที่ถูกส่งฟ้องเพียงคนเดียว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงคนที่ถูกส่งฟ้องในคดีอาญาคือโรเบิร์ต เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้ มีเพียงโรเบิร์ตคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ปอท. ตรวจมือถือ 5 คนบนเรือครบแล้ว
ส่วนการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 เครื่องของเพื่อนที่อยู่บนเรือแตงโม วันนี้ พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ โฆษก ปอท. ระบุว่า ได้ทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง เสร็จแล้ว และได้ส่งผลการตรวจ กลับไปให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เพื่อนำไปประกอบสำนวน
มีรายงานว่าโทรศัพท์ที่ตรวจสอบมีทั้งหมด 5 เครื่อง 1 ใน 5 เป็น โทรศัพท์ของ “แตงโม” ส่วนอีก 4 เครื่อง เป็นของบุคคลที่อยู่บนเรือ การที่ตำรวจตรวจโทรศัพท์ ก็เพื่อหาข้อมูลหลักฐานว่า ก่อนและหลังเกิดเหตุ เจ้าของโทรศัพท์ ได้โทรติดต่อพูดคุยกับใครบ้าง รวมทั้งหลักฐานการบันทึกต่างๆ ในโทรศัพท์ เช่น ข้อความ หรือ ภาพถ่ายในแกลอรี่ เพื่อเป็นประโยชน์ทางคดี
กู้ภัยเผย ศพแตงโม โดนใบพัดแต่ไม่ถึงกับทำให้ตาย
นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเป็นทีมแรก ที่พบได้ร่างและเก็บกู้ร่าง แตงโม ภัทรธิดา นักแสดงสาว ให้ความเห็นในฐานะกู้ภัยที่มีประสบการณ์ในการเก็บกู้ศพ ผู้เสียชีวิตทางน้ำมาอย่างยาวนาน ว่า ศพลอยน้ำส่วนใหญ่ที่พบในแม่น้ำ และมีบาดแผลฉกรรจ์ หรือแผลใหญ่ จะเกิดจากการโดนใบพัดเรือ หรือหางเสือเรือ เช่น คดีพบชิ้นส่วนศพของน้องแป้งในแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนลักษณะบาดแผลของแตงโม ที่เกิดขึ้นบริเวณต้นขาซ้าย มองว่า บาดแผลดังกล่าว ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต และโอกาสที่แตงโมอาจจะตกจากท้ายเรือ หรือ ข้างเรือ เป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งความเห็นของตนก็เป็นเพียงการคาดการณ์จากประสบการณ์เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย