กรุงเทพ วันนี้ ( 11 ก.พ.) “เชาว์” เตือนสติยื้อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว อย่าให้เป็นแค่เกม หนุนสภาองค์กรของผู้บริโภคกดค่าโดยสารที่ 44 บาท แทน 65 บาท บี้เปิดเผยสัญญาสัมปทาน ให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ
นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง รถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือจะเป็นแค่ “เกมแย่งกระดูกหมูจากปากหมา” มีเนื้อหาระบุว่า การที่ 7 รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย แท็กทีมกันลาประชุม ประท้วง กทม. และมหาดไทย นำวาระขยายสัมปทานให้กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ออกไปอีก 30 ปี แลกกับการเก็บค่าโดยสาร 65 บาทตลอดสาย จนกระทั่งสุดท้ายต้องถอนเรื่องออกจากที่ประชุมไป สะท้อนให้เห็นว่าพลังกัญชาของภูมิใจไทยออกฤทธิ์แรงจนนายกรัฐมนตรีมึน ถึงขั้นออกปากในที่ประชุม ครม.ว่า วันนี้พิสูจน์แล้วว่าใครเป็นอย่างไร
สถานการณ์นี้พิสูจน์แล้วจริง ๆ ว่าใครเป็นอย่างไร เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ กทม.ถูกตั้งคำถามมาโดยตลอด ว่าเป็นเพราะมีใครถือข้างกลุ่มทุนรายใด เพื่อมาคัดง้างกัน แย่งการเป็นเจ้าของสัมปทานกันระหว่างรายเก่ากับรายใหม่ที่พยายามสอดแทรกหรือไม่
“สำหรับผมมองว่า ไม่ว่าใครจะได้สัมปทานไป ไม่มีความหมายเท่ากับจะทำอย่างไรให้การสัมปทานใหม่เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและประชาชน ถ้าจะต่ออายุสัมปทาน แต่ตั้งราคาค่าโดยสารที่ 65 บาทตลอดสาย ยังเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับประชาชนผู้บริโภค ที่ตอนนี้ลำบากสาหัสกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอยู่แล้ว ผมเห็นว่าราคาที่สภาองค์กรของผู้บริโภคเสนอที่ 44 บาท ตลอดสายไปจนถึงสิ้นสุดสัมปทานในปี 2572 โดยให้จัดเก็บค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท และหลังสิ้นสุดสัมปทานแล้วให้รัฐบาลเก็บค่าโดยไม่เกิน 25 บาทตลอดสาย เป็นตัวเลขที่เหมาะสม ถ้าทำไม่ได้ การเปิดสัมปทานใหม่ก็ควรทำอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา และที่สำคัญถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยสัญญาสัมปทานเหล่านี้ให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ ตรวจสอบได้ จะได้หายสงสัยว่าที่คัดง้างกันไปมา มันคือเกมแย่งกระดูกหมูจากปากหมากันแค่นั้น” นายเชาว์ระบุ.- สำนักข่าวไทย