ระยอง 2 ก.พ. – อธิบดีทช. เผยระดมนักวิชาการเดินหน้าแผนปฏิบัติการ “สมุทรศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทางทะเล” เร่งตรวจสอบผลกระทบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลที่มีต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แม้ขณะนี้น้ำทะเลเริ่มใส ตลอดจนศูนย์ควบคุมปฏิบัติการฯ ลดระดับสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า น้ำทะเลระยองเริ่มคืนสภาพสวยใส โดยศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยฝั่งตะวันออกตรวจสอบการปนเปื้อนของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนในสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายหาดระยอง 6 หาดสำคัญได้แก่ หาดสุชาดา หาดแสงจันทร์ หาดแม่รำพึง (คลองหัวรถ) หาดแม่รำพึง (ก้นอ่าว) หาดบ้านเพ และหาดสวนสน ผลการสำรวจเบื้องต้นพบว่า สภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบคราบน้ำมัน ไม่พบสัตว์น้ำตาย
แม้ไม่พบคราบน้ำมันในทะเลและชายฝั่งแล้ว แต่ทช. ยังต้องสำรวจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ (2 ก.พ.) มีแผนปฏิบัติการได้แก่
– กลุ่มสมุทรศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทางทะเลติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเล ตลอดจนสำรวจการปนเปื้อนของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนในสิ่งแวดล้อมทางทะเลตั้งแต่หาดสุชาดา-บ้านเพ
– ทีมสัตวแพทย์สำรวจผลกระทบของน้ำมันรั่วไหลต่อสัตว์ทะเลชายหาด
– เดินสำรวจคราบน้ำมันบริเวณชายหาดที่ได้รับผลกระทบระยะทาง 2.3 ก.ม. ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ
– ส่งเรือตรวจการณ์ออกสำรวจบริเวณอ่าวพร้าว-อ่าวปะการัง เกาะเสม็ด บริเวณเขาแหลมหญ้า-หน้าสถานีรายงานอากาศ และหาดแม่รำพึง
– ส่งทีมชุดทางบกสำรวจบริเวณหาดแหลมเจริญ
สำหรับการประชุมการของศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการฯ เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ได้ระบุถึง การตรวจพบเมือกหรือน้ำที่เป็นฟองบริเวณหน้าธงชัยรีสอร์ทระยะทาง 1 กม. ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า อาจเป็นคราบน้ำมันผสมกับสารขจัด โดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบซึ่งจะเร่งติดตามผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ แต่บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC แจ้งว่า ได้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
ส่วนที่ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า สังเกตพบสารเรืองแสง-จุดวาวบนหอยและตะกอนทราย กรม ทช. ชี้แจงว่า การเรืองแสงในน้ำอาจเกิดจากสารฟอสฟอรัสหรือแพลงก์ตอนเรืองแสง แต่ศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยฝั่งตะวันออกจะเก็บตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ รวมทั้งให้ทางบริษัท SPRC ดำน้ำสำรวจด้วย
นอกจากนี้ทางทีมทำความสะอาดชายฝั่ง (Shoreline clean up) ของบริษัท SPRC ขออนุญาตศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการฯ เพื่อนำรถขุดมายังหาดแม่รำพึงเพื่อขุดหา “แผ่นดูดซับน้ำมัน” (Absorbent Sheet) ขึ้นมากำจัดให้หมดและจะขุดเพื่อพลิกทรายที่ปนเปื้อนขึ้นมาบำบัด โดยทรายที่ขุดไว้วางแผ่นดูดซับน้ำมันมีความลึกไม่ถึง 50 เมตร ซึ่งทางศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการฯ เห็นชอบว่า ควรนำแผ่นดูดซับน้ำมันออกให้หมด แล้วกลบอัดทรายให้แน่นเหมือนเดิม
ล่าสุด ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการฯ เตรียมยุติภารกิจ หากขจัดคราบน้ำมันเสร็จสิ้นและตรวจสอบไม่พบแล้ว จากนั้นจะถ่ายโอนภารกิจไปยังศูนย์ประสานงานฯ แล้วให้แต่ละหน่วยงานส่งข้อมูลการติดตามตรวจสอบทั้งหมดไปยังศูนย์ประสานงานฯ ซึ่งรับผิดชอบโดยกรมเจ้าท่าตามระเบียบต่อไป.-สำนักข่าวไทย