กรุงเทพฯ 24 ม.ค. – อธิบดีกรมควบคุมมลพิษระบุ ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 ม.ค. นี้ ขณะที่ GISTDA เผยข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมพบจุดความร้อนเพิ่มขึ้นกว่า 100 จุด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษและผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ปิดและลมอ่อน อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยภาคเหนือตอนบนในจังหวัดลำปาง เชียงใหม่ น่าน และ แพร่จะมีแนวโน้มสูงขึ้น ระหว่างวันที่ 25-27 มกราคม ส่วนภาคเหนือตอนล่างในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและพิจิตรมีแนวโน้มสูงขึ้นในวันที่ 25-28 มกราคม สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีแนวโน้มสูงขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม
ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปริมาณ PM2.5 สูงเกินมาตรฐานหรือ พื้นที่สีส้มงดการเผาในที่โล่ง ใช้รถเท่าที่จำเป็น ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง และหากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 162 จุด เพิ่มขึ้นจากวันที่ 22 มกราคมถึง 111 จุด โดยพบมากสุดในพื้นที่เกษตร 54 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 48 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 23 จุด พื้นที่เขตสปก. 21 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 14 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด
จากภาพแสดงให้เห็นว่า จุดความร้อนมีจำนวนเพิ่มขึ้นในภาคเหนือและภาคกลางซึ่งคาดว่า เกิดจากการเตรียมพื้นที่เพื่อการเกษตร ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุดคือ ตาก 20 จุด ลำปาง 13 จุด กาญจนบุรี 13 จุด ตามลำดับ
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน พบมากสุดที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ 607 จุด รองลงมาอันดับ 2 เป็นราชอาณาจักรกัมพูชา 312 จุด และอันดับที่ 3 เป็นประเทศไทย 162 จุด ข้อมูลจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือบริเวณแนวชายแดน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ.-สำนักข่าวไทย