ตรัง 21 ม.ค. – เกษตรกรชาว ต.ควนเมา อ.รัษฎา จ.ตรัง โค่นยางพารา หันมาปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์ สร้างรายได้กว่า 400,000 บาทต่อปี พร้อมเชิญชวนเกษตรกรหันมาปลูกทับทิมจันทร์ เพราะตลาดมีความต้องการสูงและราคาดี
ที่หมู่ 10 ต.ควนเมา อ.รัษฎา จ.ตรัง นายปรีชา พรหมห้อง อายุ 42 ปี อดีตชาวสวนยางพารา หันมาปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์ปลอดสารพิษ เล่าว่า เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เริ่มปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์จำนวน 150 ต้น บนเนื้อที่ 20 ไร่ ผ่านไป 1 ปี ชมพู่ทับทิมจันทร์เริ่มให้ผลผลิตและเก็บขายได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยติดผลตลอดทั้งปี แถมราคาขายปลีกสูงถึงกิโลกรัมละ 70 บาท ขายส่งกิโลกรัมละ 45-50 บาท ดีกว่าการทำสวนยางพาราหลายเท่า ทำให้ทุกวันนี้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 400,000 บาทต่อปี หรือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
หลังจากนั้นจึงขยายพื้นที่ปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์เพิ่มอีก 5 ไร่ รวม 25 ไร่ พร้อมขายกิ่งพันธุ์ในราคากิ่งละ 80 บาท เพื่อเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเดินทางมารับซื้อถึงสวน โดยผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จนแม่ค้าต้องเข้าคิวจองกันเป็นรุ่นๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเกษตรกรสนใจแวะเวียนไปศึกษาดูงานและซื้อกิ่งพันธุ์ไปปลูกเป็นจำนวนมาก
คุณประโยชน์ของชมพู่ทับทิมจันทร์ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้หัวใจแข็งแรง มีวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย เพิ่มความสดชื่น แก้กระหายน้ำ เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยลดน้ำหนักตามธรรมชาติ เพราะเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ จึงทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว บำรุงสายตาและอื่นๆ
ด้านนายปรีชา พรหมห้อง เกษตรกรผู้ปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์รายใหญ่ กล่าวว่า ตนปลูกทั้งหมด 20 ไร่ ตอนนี้ปลูกเพิ่มอีก 5 ไร่ ทำให้แต่ละปีมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 400,000 บาท หรือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งแต่ละปีมีลูก 4-5 รุ่น ราคาขายกิโลกรัมละ 70 บาท หากขายส่งกิโลกรัมละ 45-50 บาท ตอนนี้ยังมีไม่พอขาย จึงอยากให้เกษตรกรหันมาปลูกให้มากขึ้น เพราะตลาดมีความต้องการสูงและได้ราคาดี.-สำนักข่าวไทย