ทำเนียบฯ 18 มค.- ครม. หนุนเชื่อมโยงทางรถไฟไทย-ลาว-จีน เผยช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เปิดให้บริการในปี 69 ผลักดันย่านขนถ่ายสินค้าฝั่งไทย-ลาว กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน มีการส่งออก-นำเข้า ก้าวกระโดด
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ครั้งที่ 1/2565 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ รองรับแผนการก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2569 ระยะที่2 นครราชสีมา-หนองคาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) พิจารณารายงานการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA) คาดว่าจะเสนอต่อ ครม.ภายในปี 2565 และเปิดให้บริการได้ในปี 2571 และโครงการถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเสนอ ครม. ภายในเดือนม.ค.65 และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569
น.ส.ไตศุลี กล่าวว่า ครม. ยังเห็นชอบ การบริหารจัดการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพานข้ามแม่น้ำโขง ในส่วนของการบริหารจัดการสะพานเดิมระหว่างรอ การก่อสร้างสะพานแห่งใหม่ เพิ่มขบวนรถขาไป 7 ขวบน และขากลับ 7 ขบวน รวม 14 ขบวนต่อวัน รองรับสินค้าขบวนละ 25 แคร่ ส่วนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ จะก่อสร้างใกล้กับสะพานเดิมอยู่แห่างออกไปประมาณ 30 เมตร มีทั้งรางรถไฟขนาดมาตรฐานและทางขนาด 1 เมตร ปัจจุบันไทยและลาว ร่วมลงทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในประเทศ และให้เร่งการจัดประชุมไตรภาคีเพื่อหารือแนวแทางเชื่อมโยงทางรถไฟ ในเดือนม.ค. 2565 พร้อมกับเห็นชอบการพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้าฝั่งไทย-ลาว เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อในการขนสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ ทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว
กระทรวงคมนาคม ยังได้รายงาน การค้าและการขนส่งภายหลังรถไฟลาว-จีน ในช่วงเดือน ธ.ค. 2563 เทียบกับช่วงธ.ค. 2564 พบว่าปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นจาก 116,552 ตัน เป็น 304,119 ตัน ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 4.64 พันล้านบาท เป็น 6.91 พันล้านบาท มูลค่านำเข้าส่งออก ณ ด่านหนองคายเพิ่มขึ้นสูงมาก จึงได้เพิ่มรถไฟจาก 4 ขบวนเป็น 14 ขบวนต่อวัน และการขนส่งขบวนละ 12 แคร่ เป็น 25 แคร่ สามารถมีศักยภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เท่า แต่ปริมาณการขนส่งยังไม่มากนักเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19.-สำนักข่าวไทย