กระทรวงสาธารณสุข 10 ม.ค.- สธ.คาด 2 เดือนน่าจะคุมโอไมครอนได้ และภายใน 1 ปี จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขณะนี้เหลือ 6 จังหวัดที่ยังไม่พบการติดเชื้อ ขณะที่พบการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้นวันละ 30-40 คน ย้ำระวังตัว งดรับประทานอาหารร่วมกัน หมั่นตรวจ ATK 2-3 ครั้ง ส่วนการพบเดลตาครอน GISAID ฟันธงแล้วเป็นเดลตา ไม่ใช่ลูกผสม เพราะพบโอไมครอนในตัวเป็นสายพันธุ์ย่อย
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เชื่อภายใน 2 เดือนจะสามารถควบคุมโอไมครอนได้ อัตราการป่วยติดเชื้อ จะค่อยๆ ลดลง และภายใน 1 ปี ก็จะค่อยๆ กลายเป็นโรคประจำถิ่น แต่ต้องใช้เวลา โดยต้องดูทั้งอัตราป่วย และอัตราการเสียชีวิตที่น้อยกว่า 0.1% และต้องมีอัตราการรับวัคซีนจำนวนมากเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โดยขณะนี้ประเทศไทย มีอัตราการรับวัคซีนแล้วอยู่ที่ 70% แต่ก็ยังต้องรับเพิ่มอีก หากได้รับวัคซีนเข็ม 3 หรือเข็มกระตุ้นก็จะช่วยให้เพิ่มปัจจัยที่ทำให้กลายเป็นโรคประจำถิ่น พร้อมหลังปีใหม่ แม้มีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่อัตราการเสียชีวิตลดลง ดังนั้นขอให้ประชาชนยังต้องเคร่งครัด หรือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และระยะห่าง รวมถึงหน่วยงานมีการตรวจ ATK และ WFH และหากป่วยแนวทางการรักษา ใช้ HI และ CI First
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ส่วนการพบการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ นั้น ได้กำชับให้ระมัดระวัง ดูแลตัวเอง หากป่วยต้องหยุดปฏิบัติงาน กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำก็จะต้องมีมาตรการรองรับ ที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงมีการกักตัวนานกว่าคนป่วยเสียอีก จึงมอบหมายให้กรมควบคุมโรคดำเนินการปรับแก้ไขคำนิยาม โดยกลุ่มเสี่ยงอาจให้มีการกักตัวสั้นลงอาจจะเป็น 7 วัน แต่ต้องมีมาตรการเสริมเพิ่มเติม เพื่อลดการเสียกำลังในบุคลากรสาธารณสุข เพราะบุคลากรเป็นกลุ่มสำคัญในการดูแลรักษาประชาชนที่ติดเชื้อ จึงต้องเตรียมพร้อมให้ดี
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์ เทียบ เม.ย.64 กับ ม.ค.ปี 65 พบว่าในเดือน ม.ค. พบบุคลากรมีการติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 30-40 คนต่อวัน ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง ส่วนในเดือน เม.ย.64 พบการติดเชื้อ 100 คน ทั้งนี้สาเหตุการติดมาจากชีวิตประจำวัน มีการกินข้าวร่วมกับเพื่อน หรือ บุคคลในครอบครัว จากนั้นไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงาน จึงขอให้ที่ทำงานเคร่งครัด การตรวจ ATK ด้วย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และขอให้งดการรับประทานอาหารร่วมกันในที่ทำงาน และเร่งรับวัคซีนเข็ม 4
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าขณะนี้การตรวจหาเชื้อโอไมครอน พบแล้วกว่า 5,397 คน และกระจายไปในทุกเขตสุขภาพ แต่หากดูเป็นรายจังหวัดจะพบว่า ยังไม่พบการติดเชื้อใน 6 จังหวัด ได้แก่ น่าน ตาก ชัยนาท อ่างทอง พังงา และนราธิวาส ส่วนจังหวัดที่พบการติดเชื้อ เกิน 100 คน ได้แก่ กทม 1,820 คน ชลบุรี 520 คน ภูเก็ต 288 คน กาฬสินธุ์ 249 คน ร้อยเอ็ด 237 คน สมุทรปราการ 222 คน สุราษฎร์ธานี 199 คน มหาสารคาม 163 คน อุดรธานี 149 คน ขอนแก่น 136 คน โดยแนวโน้มพบการติดเชื้อโอไมครอน เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 90% ทั้งนี้ได้ประสานศูนย์วิทยาศาสตร์ ทั้ง 15 ศูนย์ สุ่มตรวจหาสายพันธุ์
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ส่วนการพบเชื้อโควิด เดลตาครอน จากการตรวจสอบข้อมูลร่วมกับ GISAID ในการถอดรหัสพันธุกรรม เชื้อเดลตาครอนที่พบในไซปรัส 24 ตัวอย่าง พบว่า ทั้งหมดมีหน้าตาของเชื้อไวรัสไม่เหมือนกัน โดยทั้งหมดของไวรัสนี้พบเป็นเดลตาทั้ง 24 ตัวอย่าง แต่โอโมครอนเป็นสายพันธุ์ย่อยไม่มีหน้าตาเหมือนกัน จึงถือเป็นการปนเปื้อนของสายพันธุ์ ทาง GISAID จึงถือว่าสายพันธุ์ที่พบนี้ เป็นเดลตา พร้อมย้ำการตรวจ ATK ตรวจหาเชื้อโควิดได้หมด แต่ไม่สามารถจำแนกสายพันธุ์เท่านั้น .-สำนักข่าวไทย
