กรุงเทพฯ 4 ม.ค. – ศาลสั่งคุมประพฤติคดีเมาขับ 6 วัน 5,200 คดี สูงสุด 3 อันดับแรก ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสกลนคร ย้ำมาตรการเข้มทางกฎหมายและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด
นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 6 ของ 7 วันอันตราย (3 ม.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 332 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถในขณะเมาสุรา 317 คดี คิดเป็นร้อยละ 95.48 และคดีขับเสพ 15 คดี คิดเป็นร้อยละ 4.52
สำหรับช่วง 7 วันอันตรายปี 2565 มียอดคดีสะสมทั้งสิ้น 5,767 คดี จำแนกเป็นขับรถในขณะเมาสุรา 5,200 คดี คิดเป็นร้อยละ 90.17 ติด EM 10 ราย ขับรถประมาท 11 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.19 ติด EM 1 ราย ขับเสพ 556 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.64
ส่วนจังหวัดที่มีสถิติคดีเมาแล้วขับสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ ชัยภูมิ 403 คดี บุรีรัมย์ 350 คดี และสกลนคร 278 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ สะสม 6 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 และ พ.ศ.2565 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา ปี 2564 จำนวน 2,399 คดี กับปี 2565 จำนวน 5,200 คดี เพิ่มขึ้น 2,801 คดี คิดเป็นร้อยละ 53.8 หากเปรียบเทียบสถิติคดีรายวัน (3 ม.ค.) ที่เข้าสู่การคุมประพฤติช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2565 จำนวน 332 คดี เทียบกับปีที่แล้ว จำนวน 326 คดี พบว่าเพิ่มขึ้น 6 คดี คิดเป็นร้อยละ 1.8
นอกจากนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชน โดยร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ พร้อมทั้งจัดให้มีการทำงานบริการสังคม โดยการตรวจเยี่ยมด่าน แจกน้ำดื่ม ผ้าเย็น ตรวจวัดอุณหภูมิ และอำนวยความสะดวกการจราจรแก่ประชาชนที่เดินทาง ณ จุดบริการประชาชน และด่านชุมชน จำนวน 47 จุด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนทั้งสิ้น 693 คน
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมคุมประพฤติเตรียมใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้น โดยมาตรการทางกฎหมายจะประเมินและคัดกรองผู้กระทำผิด และกำหนดมาตรการตามระดับปัญหา โดยการคุมประพฤติให้ผู้กระทำผิดปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ได้แก่ ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ (กำหนด 3 เดือนต่อครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี) ให้ทำงานบริการสังคมซึ่งเป็นการทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทนอาจให้ผู้ถูกคุมความประพฤติทำงานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม พักใช้ใบอนุญาตขับรถ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้เข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย/วินัยจราจร ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และให้ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด มาตรการแก้ไขฟื้นฟู จะคัดกรองและประเมินพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากพบว่า มีแนวโน้มการติดสุราสูงจะส่งไปบำบัดการติดสุราที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นระยะเวลา 4 เดือน หากพบว่ามีแนวโน้มกระทำผิดซ้ำสูงจะส่งไปแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระยะเวลา 3 วัน โดยใช้กระบวนการกลุ่มร่วมกับการทำงานบริการสังคมที่สร้างจิตสำนึกและความตระหนักถึงผลกระทบของการขับรถในขณะเมาสุรา เช่น การดูงานห้องดับจิตและตึกอุบัติเหตุ การดูแลเหยื่ออุบัติเหตุ ผู้พิการ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย