กรุงเทพฯ 16 ม.ค.- เลขาธิการสมาคมพนักงานสอบสวน ยืนยันว่า ตำรวจทำสำนวนคดี “ครูจอมทรัพย์” ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการหาหลักฐาน และสอบพยานครบถ้วน และผ่านการพิจารณาจากศาลถึงที่สุดแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกต เหตุครูจอมทรัพย์ ปฏิเสธให้การในชั้นสอบสวน เสียสิทธิแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง
พันตำรวจเอกมานะ เผาะช่วย เลขาธิการสมาคมพนักงานสอบสวน และประธานชมรมพนักงานสอบสวนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพนักงานสอบสวนที่ทำคดีของของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เมื่อปี 2548 และตรวจสอบสำนวนคดีแล้ว ยืนยันว่า พนักงานสอบสวน ดำเนินการถูกต้อง ครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยหลังเกิดเหตุ ได้สอบปากคำประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ในวันรุ่งขึ้นทันที ซึ่งให้การในชั้นสอบสวนเพียงว่า ไม่เห็นผู้ก่อเหตุ แต่มีการเปลี่ยนแปลงคำให้การในชั้นศาล ส่วนการสอบปากคำนางจอมทรัพย์ ดำเนินการหลังเกิดเหตุประมาณ 3 เดือน และนางจอมทรัพย์ ปฏิเสธให้การในชั้นพนักงานสอบสวน และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้ แต่ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่า นางจอมทรัพย์ เป็นถึงข้าราชการครูระดับ 8 เหตุใดจึงไม่แสดงพยานหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์กับพนักงานสอบสวน ตั้งแต่ชั้นแรกของการสอบสวน จนเมื่อตำรวจสรุปสำนวนให้อัยการ ทางอัยการก็ไม่ได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม
ส่วนข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ถึงร่องรอยรถ ตำรวจก็นำรายงานการตรวจศพมาพิจารณา พบว่า สภาพศพผู้ตาย ด้านซ้ายกระดูกหักทั้งหมด แสดงว่า ผู้ตายไม่ได้ขับขี่จักรยานบริเวณไหล่ทาง แต่ล้ำเข้ามาในถนนเกือบกึ่งกลางถนน
พันตำรวจเอกมานะ ยืนยันว่า คดีนี้ถึงที่สุดไปแล้ว เพราะคดีดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมถึงชั้นศาลฎีกาแล้ว แต่เป็นเรื่องของฝ่ายจำเลย ที่มีการใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญา พ.ศ.2526 เนื่องจาก มีพยานหลักฐานใหม่ที่ชัดเจนพอที่จะทำให้คำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ซึ่งอยู่ที่ดุลพินิจของศาล จึงต้องเริ่มกระบวนการยุติธรรมใหม่ พร้อมขอสังคมอย่าวิพากษ์วิจารณ์ไปเอง แต่ขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของรัฐ เนื่องจาก ตำรวจไม่ได้กระทำการโดยลำพัง เพราะกระบวนการยุติธรรมไทย จะใช้ระบบกล่าวหา ในการให้ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานให้ศาลพิจารณา ซึ่งมีการไต่สวนถ่วงดุลซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังย้ำว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมสั่งการให้ พลตำรวจเอกปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ลงไปควบคุมสำนวนคดี ที่จังหวัดนครพนม ด้วยตนเอง.-สำนักข่าวไทย