ลอนดอน 23 ธ.ค. – แอสตราเซเนกา บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติอังกฤษและสวีเดน เผยข้อมูลจากการทดลองในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษในวันนี้ว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดของแอสตราเซเนกา 3 เข็มมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลกได้
แอสตราเซเนการะบุว่า ผลการทดลองดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาครบ 3 เข็มจะช่วยเพิ่มระดับสารภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนให้อยู่ในระดับเดียวสารภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาหลังฉีดวัคซีนครบสองโดส ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสามของแอสตราฯ จะมีระดับสารภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสูงกว่าผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหายดีแล้ว โดยที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้วิเคราะห์ตัวอย่างเลือดจากกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนครบสองโดสและวัคซีนเข็มสาม และผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิดในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล รวมถึงตัวอย่างเลือดจากผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มสามของแอสตราฯ 41 คน ทั้งยังระบุว่า คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดที่เป็นผู้ดำเนินการทดลองในครั้งนี้เป็นนักวิจัยอิสระคนละทีมกับที่พัฒนาวัคซีนของแอสตราฯ
ในขณะเดียวกัน นายเมเน ปังกาลอส หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์ของแอสตราฯ กล่าวว่า ในขณะที่แอสตราฯ เริ่มเข้าใจเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถกระตุ้นการตอบสนองของที-เซลล์ (T-cell) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการหาและกำจัดเซลล์ติดเชื้อ ให้มีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ ทั้งนี้ ผลการทดลองดังกล่าว ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการและยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ มีความสอดคล้องกับผลการทดลองของไฟเซอร์กับโมเดอร์นาที่ระบุว่า การฉีดวัคซีนโควิดที่ทั้งสองบริษัทพัฒนาขึ้นครบ 3 เข็มมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้. -สำนักข่าวไทย