กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – ส.อ.ท.จับมือพันธมิตรองค์กรชั้นนำ เตรียมจัดงาน FTI EXPO 2022 : ชูแนวคิด SHAPING FUTURE INDUSTRIES I ฉากทัศน์ใหม่ อุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต ระหว่างวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่ คาดกระตุ้นเศรษฐกิจภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หลังจากที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี สภาอุตสาหกรรมฯ ในฐานะองค์กรหลักภาคเอกชนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ ได้ร่วมมือกับภาครัฐในการประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด จนกระทั่งปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลงมาก จึงได้หารือร่วมกับพันธมิตรจัดงาน FTI EXPO 2022 เพื่อแสดงความพร้อมในการเดินหน้าและสร้างจุดเปลี่ยนให้วงการอุตสาหกรรมไทยก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน
FTI EXPO 2022 นอกจากจะเป็นการขานรับนโยบายเปิดประเทศแล้ว ยังถือเป็นการจุดพลุดอกแรก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจและภาคประชาชน ให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้อย่างเข้มแข็ง จัดขึ้นภายใต้แนวคิด SHAPING FUTURE INDUSTRIES I ฉากทัศน์ใหม่ อุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต ระหว่างวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในระดับประเทศ ภายใต้แนวคิด BCG Economy Model ซึ่งจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต รวมทั้งเพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ไทย การค้าการลงทุน ให้เชื่อมโยงสู่ระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค เพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนของประเทศสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้แบบ Next Normal ซึ่งได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานและมีส่วนร่วมผ่านช่องทาง Online ไม่ต่ำกว่า 50,000 คน สร้างโอกาสทางการค้าและเกิดเงินทุนหมุนเวียนภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับกิจกรรมสำคัญในงาน ประกอบด้วย การส่งเสริม Smart Agriculture Industry, การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร plant-based food, การพัฒนายารักษาโรค, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร, การส่งเสริมการจัดการขยะพลาสติกภายใต้การสนับสนุน AEPW การพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ รวมถึงโครงการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทยสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำมาจัดแสดงสินค้าอุตสาหกรรม ครอบคลุม 11 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มปูนซีเมนต์ กลุ่มการพิมพ์และอาหาร กลุ่มไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม กลุ่มเครื่องปรับอากาศ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร กลุ่มยานยนต์ คลัสเตอร์พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คลัสเตอร์สุขภาพและความงาม และสินค้าอุตสาหกรรมเด่นจาก 5 ภูมิภาค โดยกลุ่มยานยนต์ จะมีการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้า (Zero Emission Vehicle : ZEV) และสร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า Test Drive ภายในงานอีกด้วย
นอกจากนี้ ในอนาคตประเทศไทยจะมีแผนลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรมของไทยให้ไปสู่ Net Zero ตามข้อตกลงที่ไทยได้ให้คำมั่นไว้กับประชาคมโลก ดังนั้น เพื่อให้เกิดการลดหรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ สภาอุตสาหกรรมฯ จะมีการเปิดตัว Thailand Carbon Credit Exchange Platform แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิตครั้งแรกในงานนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย