กรุงเทพฯ 25 มี.ค. – ส.อ.ท.เผย 2 เดือนแรกของปี 2568 ยอดผลิต ยอดขายรถยนต์ยังหดตัว หวังยอดจองในงานมอเตอร์โชว์ 2025 – ลุ้นโครงการ “รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ” ดึงยอดขายกระบะขยับขึ้น มั่นใจหากมาตรการได้ผลจะช่วยดันจีดีพีปี 68 โตได้ถึง 3% จับตาสงครามราคารถอีวี หลังแร่ลิเทียมราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปี
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีทั้งสิ้น 115,487 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 13.62% สาเหตุจากการผลิตขายในประเทศลดลง 21.26% โดยเฉพาะรถกระบะที่ลดลงมากถึง 42.10% ส่วนการส่งออกลดลง 9.48% โดยเฉพาะรถยนต์นั่งลดลง 47.01% ส่งผลให้ 2 เดือนแรกของปี 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 222,590 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ถึง 19.29% ส่วนการผลิตเพื่อส่งออก อยู่ที่ 78,535 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 9.48% รวม 2 เดือนแรกของปี ผลิตเพื่อส่งออกได้ 153,579 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 15.56%
การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ผลิตได้ 36,952 คัน ลดลง 21.26% ส่งผลให้ยอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 2 เดือนแรก (มกราคม-กุมภาพัน์) ร่วงถึง 26.52% ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนกุมภาพันธ์ มีเพียง 49,313 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.68% จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินกับผู้ซื้อรถกระบะที่ยังคงลดลงร้อยละ 14.9
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยังคงต้องรอยอดจองรถยนต์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่เริ่มวันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่สถาบันการเงินอาจปล่อยสินเชื่อรถกระบะมากขึ้น ประกอบกับรัฐออกมาตรการ “รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ” โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย)ค้ำประกันสินเชื่อซื้อรถกระบะซึ่งเป็นรถประกอบธุรกิจของประชาชนและเกษตรกร วงเงินห้าพันล้านบาท ที่เริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์และส่งเสริมให้ SME ซื้อรถกระบะไปประกอบอาชีพและสร้างรายได้
ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ส่งออกได้ 81,323 คัน แม้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมถึง 30.49% แต่ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว 8.34% เนื่องจากมีการเปลี่ยนรุ่นรถของรถยนต์นั่งบางรุ่น จึงชะลอการผลิต ทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ทั้งนี้ยังต้องต้องติดตามมาตรการการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารถยนต์ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 2 เมษายน 2568 ว่า จะมีประเทศไหนบ้าง ซึ่งขณะนี้ประเทศคู่ค้าบางราย อยู่ระหว่างรอความชัดเจนของนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาจึมมีการชะลอคำสั่งซื้อ ขณะเดียวกันบางประเทศคู่ค้ามีรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเข้ามามีแย่งส่วนแบ่งตลาด
ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกุมภาพันธ์ จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,375 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 16.42% ส่งผลให้ 2 เดือนแรกมียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 22,086 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 0.86 ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV หรือ ปลั๊กอินไฮบริด เดือนกุมภาพันธ์ จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,020 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 14.09

“ปี 2568 ผ่านไป 2 เดือนแต่ยอดขายรถยนต์ในประเทศยังไม่ถึง 5 หมื่นคัน สะท้อนว่าสาหัส เศรษฐกิจไทยยังไม่มีการขยายตัว แม้ว่ายอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันหนี้เสียรถยนต์กลับเพิ่มขึ้น หากมาตรการของ บสย.มา ก็จะช่วยเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ต้องต้องรอดูตัวเลขการปล่อยสินเชื่อว่าจะมีมากน้อยเพียงใด คาดว่าจะเริ่มเห็นในเดือนเดือนนี้ ฝากรัฐให้เร่งแก้กฎหมายให้ครอบคลุมถึงสถาบันสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร และสถาบันสินเชื่อของบริษัทรถยนต์ได้เข้าร่วมโครงการนี้ได้ด้วย หากได้ผลคิดว่าจะดันจีดีพีให้โตได้เกิน 3% ส่วนรถไฟฟ้ามองว่ายังจะมีปัญหาสงครามราคาต่อไปอีก จากการติดตามข่าวก็ทราบว่าแร่ลิเทียมลดราคาลงต่ำสุดในรอบสามปี ก็อาจเป็นปัจจัยให้มีการดั้มพ์ราคารถไฟฟ้าลงได้อีก” นายสุรพงษ์ กล่าว. -517-สำนักข่าวไทย