ส.อ.ท.ขับเคลื่อนอุตฯ สีเขียว เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน

31 มี.ค.- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน”


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงและเจอกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า สงครามทางเทคโนโลยี หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องรับมือและปรับตัวโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมจับมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศและภาคประชาสังคม เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ด้วยการสานต่อการดำเนินงานในวาระปี 2567-2569 ภายใต้นโยบาย “ONE FTI” (ONE Vision, ONE Team, ONE Goal) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเดิม (First Industries) ประกอบด้วย 47 กลุ่มอุตสาหกรรม (11 คลัสเตอร์) 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด (5 ภาค/คลัสเตอร์จังหวัด) ไปพร้อมๆ กับการยกระดับสู่อุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-GEN Industries) ที่ประกอบด้วยอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curves) การพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) หรือ BCG รวมทั้งการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศด้านสังคม เศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างความร่วมมือไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อนำไปสู่เป้าหมายเดียวกันในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทย เพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานวาระนี้

โดย ส.อ.ท. วางยุทธศาสตร์ไว้ 5 ด้าน คือ 1. Industry Collaboration ผนึกกำลังอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง 2. First 2 Next-Gen Industry ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต 3. Smart SMEs ยกระดับ SMEs สู่สากล 4. Smart Service Platform พัฒนาการบริการเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทย และ 5. Sustainability, Achieve ESG ส่งเสริมอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน


จากผลการดำเนินงานในรอบปี 2567 ในส่วนของ Industry Collaboration ส.อ.ท. ได้ผลักดันข้อเสนอเชิงปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรม 8 ด้าน อาทิ จัดทำข้อเสนอเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตไทย (Position paper) เพื่อมอบให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาลนำไปเป็นกรอบการทำงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตไทย ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดในลักษณะ 1 อุตสาหกรรม 1 จังหวัด อาทิ โครงการส่งเสริม Modular House โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์หินฝุ่นจากโรงโม่ โครงการการจัดการความปลอดภัยทางอาหารตลอดซัพพลายเชน และโครงการความร่วมมือการใช้ของที่ระลึกจากกลุ่มอุตสาหกรรมหัตถกรรมสร้างสรรค์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเพิ่มศักยภาพในการผลิตและต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่ายิ่งขึ้น แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการประกอบกิจการให้เกิดความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business) รวมถึงแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนสมาชิก อาทิ ค่าไฟฟ้า การขอลดวงเงินและขอคืนเงินประกันไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง การแก้ไขปัญหาผลกระทบการส่งออกสินค้าไม้ท่อนไม้แปรรูปไม้ล้อมบางชนิด ตลอดจนการแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เสริมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ อาทิ การผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจกับต่างประเทศ ผ่านการประชุมกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ ต่อยอดโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Agricultural Industry (SAI) เพื่อพัฒนาการเกษตรแบบครบวงจร ยกระดับการเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรมให้ครอบคลุมทุกจังหวัด โดยในปี 2567 ส.อ.ท. ส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมและคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ โดยจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ลำดับที่ 47 คือ กลุ่มอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ (Aerospace Industry Club) และจัดตั้ง 4 คลัสเตอร์ใหม่ ประกอบด้วยปิโตรเคมี ยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม และวัสดุก่อสร้าง

ในส่วนของ First 2 Next-Gen Industry ส.อ.ท. ได้ยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผ่านโครงการอินโนเวชั่่นวัน (Innovation ONE) ซึ่่งเป็นโครงการที่่ได้รับการสนับสนุุนจากกองทุุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุุนส่งเสริม ววน.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่่อพัฒนาธุุรกิจนวัตกรรมสตาร์ทอัพไทย และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงภาคอุตสาหกรรมรายสาขาของประเทศ โดยได้รับการสนับสนุุนในงบประมาณภายใต้วงเงิน 1,000 ล้านบาท โดย 1 ปีที่่ผ่านมา โครงการกองทุุนอินโนเวชั่่นวันได้พิจารณาการสนับสนุุนทุนให้แก่ผู้ประกอบการมากกว่า 360 ล้านบาท

ด้าน Smart SMEs ส.อ.ท. ส่งเสริมและพัฒนา SMEs ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. GO Digital & AI ผลักดัน SMEs ให้ปรับตัวสู่ดิจิทัล โดยการยกระดับอุุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีการดำเนินการภายใต้โครงการ “Digital One” (Digital One Starter Package) ซึ่งเป็นการยกระดับ SMEs ไทย ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่รวบรวมโซลูชันเพื่อสนับสนุนการทำงานและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ 2. GO Innovation ผลักดัน SMEs ให้เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม 3. GO Green ส่งเสริม SMEs ปรับตัวสู่ธุรกิจสีเขียว และเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ SMEs ดำเนินงานตามแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG ส่งเสริมให้ SMEs เข้าร่วมการประเมิน SME Green Index เพื่อสามารถปรับตัวสู่ธุรกิจสีเขียว และส่งเสริมให้ SMEs ได้รับการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อม (Eco Label) รวมทั้งหาแหล่งเงินทุนให้ SMEs เพื่อนำไปพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนากระบวนการผลิต เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 4. GO Global ส่งเสริม SMEs เตรียมความพร้อมสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ


ในส่วนของ Smart Service Platform ส.อ.ท. ได้พัฒนาแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่่อยกระดับการให้บริการสมาชิก ส.อ.ท. อาทิ การเพิ่่มช่องทางการค้าขายออนไลน์ ด้วย FTI e-Business Platform พัฒนาแพลตฟอร์ม FTI Academy ซึ่่งเป็นแหล่งรวบรวมหลักสููตร Upskill และ Reskill ของมหาวิทยาลัยและหน่วยงานพันธมิตร มีการพัฒนาระบบรับรองสินค้า Made in Thailand (MiT) เพื่่อสร้างความเชื่่อมั่่นให้กับผู้ขึ้้นทะเบียน MiT โดยปัจจุุบันสามารถออกใบรับรองสินค้า MiT ได้ 57,622 SKU และมีบริษัทที่ลงทะเบียนในระบบจำนวน 5,577 กิจการ

ด้าน Sustainability, Achieve ESG ส.อ.ท. ได้ยกระดับโรงงานอุุตสาหกรรมด้วยระบบการรับรองมาตรฐานที่่เป็นมิตรกับสิ่่งแวดล้อม อาทิ Eco Factory และ Water Footprint ปัจจุุบันมีโรงงานที่่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Eco Factory รวม 516 ใบรับรอง โดยในปี 2567 มีโรงงานได้รับการรับรองใหม่จำนวน 95 แห่ง สำหรับการรับรอง Water Footprint มียอดสะสมรวม 400 ผลิตภัณฑ์ย่อยจาก 77 บริษัท โดยในปี 2567 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง รวมทั้งสิ้น 16 ผลิตภัณฑ์. -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุดพนังกั้นน้ำสำเร็จ น้ำท่วมหล่มสักเริ่มคลี่คลาย

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย.-น้ำท่วมตัวอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้งย่านการค้า เริ่มลดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จ และน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลง จุดที่พนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสักแตกยาวกว่า 10 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถปิดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้แล้ว แม้จะยังไม่ 100% ทำให้ยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาบ้าง แต่ช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารร้านค้าหลายร้อยหลังในย่านการค้าของหล่มสักลงได้ ส่งผลให้น้ำที่ท่วมหลายจุดตั้งแต่เมื่อวานลดลง บางจุดเริ่มเห็นผิวถนนแล้ว และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านตัวอำเภอหล่มสัก ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร จนต่ำกว่าพนังที่ทางเทศบาลเสริมขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีบ้านเรือนตามชุมชนที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดพนังแตก ถูกน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งนำข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายออกมาล้างทำความสะอาด เร่งล้างคราบโคลนภายในบ้านกันบ้างแล้ว หลังต้องเจอน้ำท่วมหนักถึง 2 รอบ ในช่วง 3 สัปดาห์ และกว่าจะอุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามตลอดทั้งคืน ระดมกำลังคนและเครื่องจักรหนักเข้ากู้สถานการณ์ อุดรอยรั่วซ่อมพนังกั้นน้ำ ตรงข้ามสวนดงตาล ที่พังลงมายาวกว่า 10 เมตร โดยใช้แบริเออร์ กระสอบทรายบิ๊กแบ็ก วางอุดรอยรั่วได้สำเร็จ แม้ตอนนี้ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาจากจุดพนังแตกอยู่บ้าง แต่หากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักจะลดลงต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]

จับตาปลาย ก.ย. พายุถี่ขึ้น ลุ้นเคลื่อนเข้าไทย

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.- กรมอุตุฯ เผยแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นช่วงปลายเดือน ก.ย. ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้มีแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26–27 กันยายน มีโอกาสเกิดพายุลูกใหม่เพิ่มอีก แม้ขณะนี้ยังไม่มีทิศทางชัดเจนว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยหรือไม่ แต่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปัจจุบัน พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) ยังคงเคลื่อนตัวอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อสภาพอากาศในประเทศ ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะเดียวกันมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยก็มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น และบางแห่งมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 21–27 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น แม่ฮ่องสอน […]

ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 21 ก.ย.-กรมอุตุฯ ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ […]