อุดรธานี 25 ม.ค.- นักเรียน ป.3 อุดรฯ ถูกครูเอาขวดลนไฟจี้ ญาติเผยครูมาขอโทษพร้อมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล
มีการแชร์ภาพในโลกโซเชียลของผู้ใช้เฟซบุ๊ก บอล-แอม บอล-แอม พร้อมข้อความระบุว่า…ช่วยเเชร์หน่อยค่ะ เหตุเกิดวันที่ 23 ม.ค.60 ครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.อุดรธานี เอาไฟลนปากขวดมาจี้ที่ขาน้องมาร์ค เหตุเพราะท่องสูตรคูณไม่ได้ ตอนนี้ทางคุณแม่ของน้อง ได้ติดต่อไปทางโรงเรียน แต่ครูคนที่เอาไฟลนน้องมาร์ค กลับบอกมาว่าจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ให้เงินค่ายามากับญาติ 500 บาท พาไป รพ. ก็ไม่พาไป แม่น้องมาร์คทำงานที่ กทม. ร้อนใจมาก ไม่รู้จะทำยังไง พร้อมลงภาพถ่ายของน้อง และร่องรอยแผลที่ถูกครูเอาไฟลนปากขวดมาจี้ โดยหลังจากเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาแชร์ และแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าว เดินทางไปยังโรงเรียนน้องมาร์ค พบกับ ผอ.โรงเรียน เพื่อขอพบกับครูที่ทำโทษน้องมาร์ค ซึ่งไม่อยู่ ไปราชการที่ตัวอำเภอ และวันนี้ไม่ได้สอนหนังสือนักเรียน แต่ผู้สื่อข่าวได้พบกับน้องมาร์ค ที่เรียนอยู่ชั้น ป.3 โดยน้องมาร์คได้เปิดแผลที่ถูกครูใช้ปากขวดลนไฟจี้ที่ขา โดยมีรอยแผลเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว แผลเริ่มแห้ง
น้องมาร์ค บอกว่า วันเกิดเหตุนั่งเล่นอยู่ ต่อมาครูได้เดินมาเอาไฟลนปากขวดแก้ว ตนเองก็ไม่รู้ว่าครูจะเอาขวดแก้วมาลนตนเอง ซึ่งตอนเอาขวดมาลนขาตนเอง ครูไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ดุว่าอะไรตนเองก่อนด้วย และตนเองก็ไม่ได้ดื้ออะไร ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองกับเพื่อนได้ท่องสูตรคูณกันใต้ต้นไม้หน้าห้องเรียน หลังท่องเสร็จเพื่อนก็ออกไปเล่น ส่วนตนเองนั่งอยู่คนเดียว ครูก็เดินเข้ามา เอาไฟลนปากขวดมาลนขาของตนเอง ตอนถูกใหม่ๆ ก็เจ็บ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังอยากมาเรียนอยู่
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของน้องมาร์ค พบย่าของน้องมาร์ค สอบถามทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นจริง โดยน้องมาร์ค เรียนอยู่ชั้น ป.3 ขณะนี้ไปเรียนหนังสือ ซึ่งเรื่องดังกล่าวครูที่ก่อเหตุได้เข้ามาพบกับป้าของน้องมาร์คแล้ว และขอโทษน้องมาร์คกับญาติๆ ไปแล้ว
ด้าน ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตนเองได้เรียกครูมาสอบถาม ทราบว่าเขาหยอกล้อกับนักเรียนที่เขานั่งอยู่ด้วยกันนอกห้องเรียน และได้ถามตัวเด็กแล้ว ก็บอกว่าถูกครูทำจริง เมื่อครูไปแล้วก็หัวเราะ คือไม่ได้โกรธเคืองอะไรกัน ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าเด็กท่องสูตรคูณไม่ได้ไม่เป็นความจริง หลังเกิดเรื่องขึ้นได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กแล้ว โดยมีคณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ใหญ่ในชุมชนเข้ามาร่วมพูดคุย สร้างความเข้าใจและตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
“ตัวครูจะรับผิดชอบดูแลรักษาเด็ก และให้ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าทำขวัญเด็ก ซึ่งตอนนั้นครูให้ไปเท่าไหร่ผมไม่ทราบ ส่วนหลังจากนี้ที่มีข่าวเผยแพร่ออกไปแล้ว ผมจะต้องเรียกตัวครูคนดังกล่าวมาสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง ว่าเหตุเกิดขึ้นอย่างไร ทำไมต้องทำอย่างนั้น หากมันเกินเลยไปก็จะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนระเบียบราชการ ส่วนเรื่องทางวินัยจะเป็นอีกส่วนหนึ่ง คงต้องให้มีการสอบถามก่อน” ผอ.โรงเรียน กล่าว.-สำนักข่าวไทย