กรุงเทพฯ 29 ต.ค.-บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดคาดหุ้นไทยวันนี้ “Sideways/Down” หลังผลประกอบการภาคการผลิตไทยทยอยออกมาต่ำเป้า เน้นตั้งรับรายตัว
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่าตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ งบภาคการผลิตไทยทยอยออกมาต่ำคาดเป็นแรงถ่วง ขณะที่เข้าใกล้การประกาศลดปริมาณการซื้อพันธบัตรสหรัฐ หรือ QE Tapering ของ FED กดดัน ทิศทาง การลงทุน กลยุทธ์แนะนำถือหุ้น 50% คงพอร์ตหลักกลุ่มที่จะ Outperform SET ได้แก่ โรงไฟฟ้า(GPSC, GULF, BCPG) โรงพยาบาล(BDMS, BH) กลุ่มสื่อสารฯ(ADVANC, TRUE) ส่งออก(KCE, HANA. TU) โรงกลั่น(TOP, PTTGC) คาดตลาด “Sideways/Down” แนวต้าน 1633/1639 จุด แนวรับ 1617/1611 จุด
สำหรับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจหรือ GDP ไตรมาส 3ปี64 ของสหรัฐฯ ออกมาที่ 2.0% ถือเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี โดยต่ำกว่า Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% และต่ำกว่าไตรมาสก่อนที่ 6.7% แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยนี้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าไวสู่ 93.37 จุด ผสานตลาดหันมาให้น้ำหนักกับรายงานผลประกอบการของบมจ.ที่สดใสมากกว่า ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเด่น S&P500 +0.98%, NASDAQ +1.39% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
ส่วนการประกาศผลประกอบการของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือPTTEP เรามอง slightly negative ต่อกำไรปกติ ไตมาส3 /64 ของ PTTEP ที่ 10,949 ลบ. (+79% y-y, -3% q-q) ต่ำกว่าคาดจากภาษีฯที่สูงกว่าคาดกลบ unit cost ที่ต่ำกว่าคาด โดยกำไรโตสูง ปีต่อปี(y-y) ได้แรงหนุนทั้งปริมาณขายที่โตสูงจากแหล่งใหม่(โอมาน) และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นตาม ASP (น้ำมันดิบเป็นหลัก) ส่วนกำไรต่อไตรมาส( q-q )เพราะอัตรากำไรที่เพิ่มตามราคาน้ำมันดิบ กลบปริมาณขายที่ลดลงจากลูกค้ามีปิดซ่อมโรงแยกก๊าซฯตามแผน คงมุมมองกำไรปกติไตรมาส 4ปีนี้หากเทียบรายปี จะโตสูงต่อเนื่อง ซึ่งแรงหนุนยังมาจากทั้งปริมาณขายจากแหล่งใหม่ และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ที่ฟื้นทั่วโลก ส่วนเทียบรายไตรมาสทรงตัวได้แม้เป็นหน้าค่าใช้จ่าย แต่ได้ปริมาณขายในประเทศที่ฟื้นตัวมาชดเชย ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ ซื้อ ( TP22F = 140.00 บาท/หุ้น) คงมุมมองธุรกิจเติบโตได้ต่อเนื่องตามการ ผลิต(COD) แหล่งใหม่ในปี65-66 และการเพิ่มขึ้นจาก แหล่ง Lang Lebah
สำหรับ คาดการณ์ MSCI Rebalance ซึ่งจะประกาศรายชื่อหุ้น 11 พ.ย. และมีผล 30 พ.ย. นี้ คาดบริษัททีเสี่ยงหลุด MSCI คือ BAM(มีโอกาสหลุดสูง) และ RATCH(มีโอกาสหลุดแต่น้อย) กรณีหลุดจะถูกขาย 47 ล้านเหรียญฯ และ 51 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับกรณีไทยเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 21 ประเด็นนี้เป็นบวกต่อ Theme Re-Opening Play นำโดย กลุ่มท่องเที่ยว ขนส่ง ร้านอาหาร ค้าปลีก-ห้างสรรพสินค้า นิคม และ บันเทิง คาดหุ้นกลุ่ม Re-Opening Play ตอบรับบวก แต่เชิงกลยุทธ์ แนะนำเลือกหุ้นที่ราคายังมีส่วนลด(Discount)จาก Pre Covid-19 หรือราคายังต่ำกว่าปลายปี62 จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ดังนั้น ภายใต้ Theme Re-Opening Play เราเลือก BEM, ERW, BJC, CPN, WHA, MAJOR, M เด่นสุด.-สำนักข่าวไทย