ทำเนียบฯ 25 ต.ค.-ครม. อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาควบคุมธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ป้องกันความเสียหายแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ ต้องแจ้งข้อมูลธุรกิจ การพิสูจน์ตัวตน เงื่อนไขให้บริการ ช่องทางการร้องเรียน ดูแลทั้งคนซื้อหรือคนขายผ่านออนไลน์
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและการพาณิชย์ สร้างความน่าเชื่อถือ และยอมรับในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันความเสียหายแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform) ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและการให้บริการแพลตฟอร์มฯ ให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ทราบก่อนการประกอบธุรกิจ
โดยต้องการให้ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform) ให้บริการภายใต้มาตรฐานเดียวกัน อย่างโปร่งใส เป็นธรรม ทั้งคนซื้อหรือคนขายสินค้า หรือบริการออนไลน์ จะได้รับทราบข้อมูลที่จำเป็น เช่น เงื่อนไขการให้บริการ ช่องทางการร้องเรียน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการใช้บริการแพลตฟอร์มฯ หน่วยงานภาครัฐมีข้อมูล ดูแลความเสี่ยงในการให้บริการ เพื่อยกระดับการกำกับดูแล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
สาระสำคัญ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล กำหนดให้ สพธอ. มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มฯ จัดทำแนวปฏิบัติ เช่น การระบุหรือพิสูจน์ทราบตัวตนของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มฯ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย กำหนด ช่องทางรับเรื่องร้องเรียนกลาง เพื่อให้ผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มฯ ใช้เป็นช่องทางร้องเรียนปัญหาที่เกิดจากการให้บริการโดยแพลตฟอร์มฯ ขนาดเล็ก โดยผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform) ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ภายใน 180 วันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วนผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฯ ก่อนวันที่กฎหมายบังคับใช้ ให้มีระยะเวลาเพิ่มเติมอีก 30 วัน รวม 210 วัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ให้ บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลออนไลน์ ลักษณะเป็นสื่อกลาง เชื่อมต่อกันทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์มากขึ้น อย่างเช่น Online Marketplaces, Social Commerce, Food Delivery, Space sharing, Ride/Car Sharing, Online Search Engines, App Store ล้วนมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้น จึง ต้องกำกับดูแล สร้างความน่าเชื่อถือในการให้บริการ การป้องกันความเสียหายต่อสาธารณชนด้วย .-สำนักข่าวไทย