กรุงเทพฯ 19 ต.ค. – กบง.หารือพรุ่งนี้ ดูแลดีเซลต่อ ยอมรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบอยู่ในเกณฑ์สูง 85-90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จนถึงสิ้นไตรมาส 1/65 “สุพัฒนพงษ์” แย้มจะลดภาษีน้ำมันหรือไม่ ดูความจำเป็น
นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.64) คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน นัดประชุมเพื่อพิจารณาหาแนวทางที่จะดูแลราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ กบง.รอบที่แล้วดูแลระยะสั้นถึงสิ้นเดือน ต.ค. ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน จากนโยบายขณะนี้ยังดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร และราคาก๊าซหุงต้ม ขนาด 15 กก./ถัง ราคาที่ 318 บาท
โดยในเดือน ต.ค.นี้ ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดูแลกว่า 4,000 ล้านบาท แยกเป็นดูแลดีเซลกว่า 3,000 ล้านบาท และดูแลก๊าซหุงต้มกว่า 1,000 ล้านบาท และส่งผลให้ฐานเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดเหลือสุทธิประมาณกว่า 9,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งในเรื่องของการกู้ยืมเงินมาดูแลดีเซล โดยกองทุนน้ำมันฯ ก็อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง ในขณะที่เงินดูแลแอลพีจี ก็หารือกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อใช้เงินกู้เยียวยาโควิด-19 มาดูแลราวร้อยละ 60 ของเงินที่ใช้ หรือ 640 ล้านบาท/เดือน รวมกว่า 3,000 ล้านบาท
“นโยบายของ ก.พลังงาน คือ ดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม แต่จะใช้แนวทางใดต่อ หลังสิ้นเดือน ต.ค. ก็จะหารือกันในที่ประชุม กบง. เร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันปรับราคา 2 วันติดต่อกัน โดยกลุ่มเบนซินลดลงพรุ่งนี้ 20 สต. จากที่วันนี้ขึ้นไป 60 สต. เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ผู้ค้าน้ำมันตัดสินใจเอง ซึ่งในส่วนของดีเซลนั้น ผู้ค้าร่วมดูแล โดยค่าการตลาดดีเซลเหลือ 65 สต. จากที่ควรจะสูงกว่า 1.50 บาท/ลิตร” นายสมภพ กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องราคาพลังงานแพง ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า ต้นเหตุที่แพงเป็นหลักเกิดจากราคาตลาดโลก และสร้างความเดือดร้อนต่อภาคประชาชน ส่วนการดูแลใช้เรื่องนโยบายมาตรการต่างๆ เป็นไปตามลำดับขั้นตอน ด้วยการใช้เงินกองทุนฯ และเตรียมการกู้เงินมาดูแล แต่ถ้าจำเป็นต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันก็จะต้องลดลงมา แต่ก็ต้องดูไปตามสถานการณ์ โดยยืนยันว่าจะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร อย่างเด็ดขาด ส่วนจะต้องมีการหารือกันอีกรอบหรือไม่ ก็คงต้องดูตามสถานการณ์ หากราคาน้ำมันกระโดดขึ้นมาก ก็ต้องกลับมาคุยกัน เพราะคงไม่ปล่อยให้สูงกว่านี้แล้ว ซึ่งผลจากการหารือ จะให้ทางกระทรวงพลังงานรวบรวมรายละเอียด หากมีมาตรการอย่างไรก็จะนำเข้าหารือในที่ประชุม กบง. ต่อไป
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานตลาดโลกอย่างใกล้ชิด และได้ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันใหม่ หลังโลกเกิดวิกฤติราคาพลังงานแพง ทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน โดยประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในเกณฑ์สูงที่ราว 85-90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งหากอยู่ในเกณฑ์นี้ แผนงานดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท และราคาแอลพีจีที่เหมาะสม ทางกองทุนฯ ยังสามารถรักษาเสถียรภาพได้ด้วยแผนการกู้เงินมาดูแลน้ำมันตามกฎหมายกองทุนน้ำมันฯ ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท และขอสนับสนุนเงินกู้โควิด-19 จากภาครัฐมาดูแลราคาแอลพีจี ส่วนการจะลดภาษีหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะพิจารณา
โดยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และเงินบาทที่อ่อนค่าลงทุก 1 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก็จะมีผลต่อราคาน้ำมันขึ้น-ลง ราว 20 สตางค์/ลิตร สำหรับราคาดีเซล วันนี้ (19 ต.ค.) ขายปลีก กทม.-ปริมณฑล 29.49 บาท/ลิตร หากรัฐไม่อุดหนุนโดยกองทุนน้ำมันฯ 1.99 บาท/ลิตร และภาคเอกชนไม่ช่วยลดค่าการตลาดแล้ว ราคาที่แท้จริงจะอยู่ที่กว่า 32 บาท/ลิตร ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ราคาปาล์มที่สูง บี 100 ราคา 44.44 บาท/ลิตร ผสมในสัดส่วนบี 6 ก็มีผลทำให้ต้นทุนดีเซลสูงกว่า 2 บาท/ลิตร โดยหากคิดเฉพาะเนื้อน้ำมันดีเซล ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 20 บาท/ลิตร เท่านั้น
สำหรับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล 29.49 บาท/ลิตร ก็จะแบ่งออกเป็น ต้นทุนเนื้อน้ำมัน (บี 6) 22.20 บาท มีสัดส่วน 75%, ภาษีที่เกี่ยวข้องต่างๆ รวม 8.51 บาท มีสัดส่วน 28% ในส่วนนี้เป็นภาษีสรรพสามิต 5.99 บาท/ลิตร, กองทุนต่างๆ อุดหนุน 6% แยกเป็นกองทุนน้ำมันฯ อุดหนุน 1.99 บาท และกองทุนอนุรักษ์ฯ จัดเก็บ 10 สตางค์/ลิตร ส่วนค่าการตลาดอยู่ที่ 66 สตางค์ มีสัดส่วน 2.33%
ด้าน แบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จริงของจีน ในปี 2564 ลงเหลือ 7.7% จากเดิม 8.0% และปรับลดคาดการณ์ GDP ของปี 2565 ลงเหลือ 4.0% จากเดิม 5.3% เนื่องจากผลกระทบจากการผ่อนคลายนโยบาย ธนาคารกลางออกนโยบายช่วยเหลือล่าช้า หลังเกิดวิกฤติพลังงานที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีน. – สำนักข่าวไทย