กรุงเทพฯ 15 ต.ค.-ปล่อยตัวชั่วคราว “บาส” ผู้ต้องหาแทงกลุ่มวัยรุ่นบุกบ้าน เสียชีวิต 2 คน หลัง “ทนายไพศาล – หมอปลา” ยื่นมือช่วย เจ้าตัวยืนยันทำไปเพราะป้องกันตัว
เวลา 16.00 น. นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือบาส ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นฯ และทำร้ายร่างกายฯ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากเรือนจำพิเศษธนบุรี โดยมีญาติและครอบครัว รวมถึง นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ นายสาริษฐ์ แสงจันทร์ หรือเสี่ยเปีย และหมอปลา เดินทางไปรับตัวที่ด้านหน้าเรือนจำและทันทีที่บาส เจอกับแม่ ก็ก้มลงกราบเท้า ก่อนจะเปิดใจครั้งแรก ว่า อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร ทำไปเพราะต้องป้องกันเท่านั้นตนเอง
ด้าน นางอลิษา อ้วนประเสริฐ แม่ของน้องบาส บอกว่า ดีใจที่น้องได้ออกมาต่อสู้คดีข้างนอก และยังเชื่อมั่นทุกคำพูดของลูก ไม่เคยโกรธหรือซ้ำเติมน้อง และเข้าใจในสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งหากวันนั้นไม่ต่อสู้ คนที่เสียชีวิตอาจเป็นน้อง ทั้งนี้ยอมรับว่ากังวลเรื่องความปลอดภัย อยากให้ตำรวจความยุติธรรมกับลูกให้ความยุติธรรมกับทางฝ่ายตนบ้าง
ต่อมาเวลา 17.00 น. นายไพศาล พร้อมด้วยหมอปลา ได้เดินทางเข้ามาที่ สน.เพชรเกษม เพื่อสอบถามความคืบหน้าการสอบสวน และการดำเนินคดี กับคู่กรณี โดยนายไพศาล กล่าวว่า จากพฤติการณ์ของคู่กรณี ส่งคืนเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นต้องมีใครแจ้งความ หรือแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด พนักงานสอบสวนมีอำนาจดำเนินการได้อยู่แล้ว พฤติกรรมที่เห็นทั้งหมด คดีนี้เข้าข่ายกระทำผิดถึง 6 ข้อหา ประกอบด้วย บุกรุก ข่มขู่คุกคาม ดูหมิ่น ทำให้เสียทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะแขนหัก และอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งมีพยานหลักฐานสำคัญ ทั้งตัวพยานบุคคล และประจักษ์พยานแวดล้อม เช่น คลิปวิดีโอวงจรปิด เป็นต้น หากคดีนี้ พนักงานสอบสวนไม่ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับคู่กรณีทั้งหมด ก็เข้าข่ายกระทำผิด ตามมาตรา 157 ด้วยเช่นกัน ส่วนใครจะผิดหรือจะถูก เรื่องนี้ต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาลในกระบวนการยุติธรรม
ด้านพันตำรวจเอกวิสิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ ผู้กำกับการสนเพชรเกษม กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และเป็นคดีอุกฉกรรจ์ พนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม จะเร่งรัดดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีพยานหลักฐาน มากพอสมควรแล้ว ส่วนว่าจะดำเนินคดีกับใครในข้อหาอะไรนั้น ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำทุกฝ่าย เพื่อนำมาสรุปสำนวนให้ได้ความชัดเจน ไม่มีการประวิงเวลา.-สำนักข่าวไทย