ฉะเชิงเทรา 30 ก.ย.- จยย. หักหลบรถกระบะขับแซงปาดหน้า เสียหลักชนแท่นแบริเออร์ คนขี่ศีรษะกระแทกปูน หมวกกันน็อกแตก เสียชีวิตคาที่ ลูกชายช็อก! ขี่รถผ่านเห็นเหตุการณ์พอดี
กล้องหน้ารถบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะที่รถจักรยานยนต์พยามยามหักหลบรถกระบะที่ขับแซงปาดหน้า ก่อนที่รถจักยานยนต์จะเสียหลัก ชนแท่นแบริเออร์ปูน ก่อนกระเด็นไปชนรถกระบะอีกคันที่ขับอยู่ข้างหน้า จนหมวกกันน็อกแตก คนขี่เสียชีวิตคาที่ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.48 น. วานนี้ (29 ก.ย.) บนถนนสุวินทวงศ์ – ฉะเชิงเทรา ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
ตำรวจ สภ.บางน้ำเปรี้ยว พร้อมอาสากู้ภัย ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ สีดำ ล้มคว่ำอยู่กลางถนน ใกล้กันพบร่างผู้ขี่ ชื่อ นายสมยศ แดงโสภี อายุ 49 ปี นอนหงายเสียชีวิตในลักษณะกะโหลกศีรษะแตก มีเลือดไหลนองเต็มพื้นถนน และพบหมวกกันน็อกของผู้ตายตกอยู่ในลักษณะแตกออกเป็นชิ้น ถัดออกไปประมาณ 10 เมตร พบรถกระบะ สีขาว จอดอยู่ สภาพบริเวณประตูฝั่งคนขับมีร่องรอยการเฉี่ยวชน กระจกมองข้างด้านขวาแตก มีนายสุทิน ศรีวิลัย อายุ 56 ปี เป็นคนขับยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่
สอบถามนายชาญณรงค์ แดงโสภี อายุ 22 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองไปทำธุระที่ตลาดสุวินทวงศ์และกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังนำผ้าขาวมาคลุมศพ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเป็นพ่อของตนเอง จึงชะลอรถดู ก่อนมาพบรถจักรยานยนต์ของพ่อที่ล้มลงอยู่กลางถนน ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 15 เมตร ตนเองจำรถของพ่อได้จึงรีบลงมาดูและก็พบว่าพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยพ่อทำงานอยู่ที่บริษัทแถวตลาดสุวินทวงศ์ ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเลิกงานและขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน เป็นประจำทุกวัน
ขณะที่นายสุทิน ศรีวิลัย คนขับกระบะ สีขาว บอกว่า ตนเลิกงานออกจากโรงงาน และกำลังขับรถจะกลับบ้าน แต่จู่ๆ รถจักรยานยนต์ของนายสุทิน ก็มาเฉี่ยวบริเวณด้านข้างรถของตน พอลงมาดูก็พบว่านายสุทิน นอนเสียชีวิตแล้ว ส่วนรถกระบะคันด้านหลังตนที่เปิดไฟเลี้ยวขวาที่ปรากฏในคลิป ไม่ได้จอดลงมาดูผู้เสียชีวิต และขับหลบหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบภาพหลักฐานจากกล้องหน้ารถ เพื่อติดตามคนขับรถกระบะคู่กรณี มาดำเนินคดี ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตได้มอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา นำส่งยังโรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยว เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนมอบร่างให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.-สำนักข่าวไทย