กรุงเทพฯ 22 ก.ย.-หอการค้าไทยผนึกกำลัง 12 สมาคม เตรียมความพร้อมก่อนเปิดกรุงเทพฯ ถอดบทเรียน Phuket Sandbox ย้ำไม่จำเป็นต้องเร่งเปิด
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาคมการค้า 12 สมาคมที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมได้มีการนำเสนอบทเรียนจาก Phuket Sandbox ซึ่งระบุว่าการจะเปิดกรุงเทพฯ นั้น ควรมีผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มให้ถึง 70% ก่อน พร้อมกำหนดมาตรการต่าง ๆ ที่ชัดเจน ระบบควบคุม ระบบติดตามตัว ฯลฯ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งต้องพิจารณาความพร้อมอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย โดยขณะนี้ตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนเข็ม 2 ในกรุงเทพฯ ยังมีประมาณ 44% เท่านั้น ซึ่งหากเร่งการฉีดวัคซีนให้ได้ 70% คาดว่าจะใช้เวลาถึงประมาณวันที่ 22 ตุลาคม และยังต้องรอให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่ควรเร่งเปิดเมืองหากยังไม่พร้อม
ทั้งนี้ แผนที่รัฐบาลประกาศออกมาว่าประเทศไทยจะมีวัคซีนทยอยเข้ามาจำนวนมากในเดือนกันยายนและตุลาคมนั้น แต่ละพื้นที่ได้มีการเตรียมความพร้อมในการช่วยกระจายวัคซีนไปยังประชาชน รวมไปถึงผู้ประกอบการแต่ละรายก็มีการเตรียมความพร้อม เพื่อรับการเดินทางจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพียงแต่ต้องรอดูว่า วัคซีนจำนวนดังกล่าวจะเข้ามาตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ความสามารถในการเร่งฉีดวัคซีน และความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดทำได้ดีเพียงใด ดังนั้น การเร่งเปิดเมืองจนเกินไปถือว่ามีความเสี่ยงมากพอสมควร หากรอให้ภาคส่วนต่าง ๆ มีความพร้อมกว่านี้อีกสักระยะ น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า โดยสิ่งสำคัญที่สุดของประชาชนในขณะนี้คือการป้องกันตัวเอง และปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวด
หอการค้าไทยพยายามสื่อสารทำความเข้าใจกับสมาชิกในกิจการแต่ละประเภท เพื่อให้มีการดำเนินการให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน หลัก ๆ คือ ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน โดยการฉีดวัคซีนให้ได้ 70% และกลุ่มเสี่ยงต้องได้รับวัคซีน 100% นอกจากนี้ พนักงานและผู้ให้บริการในร้านค้าควรจะต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และต้องตรวจ ATK ตามกำหนดระยะเวลาก่อนเปิดให้บริการ ซึ่งหากเข้าเกณฑ์และเงื่อนไข ผู้ประกอบการสามารถเตรียมที่จะเปิดกิจการได้เลย และที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการจะต้องมีวินัย โดยย้ำว่าการเลือกที่จะเปิดประเทศประชาชนชาวไทยจะต้องได้รับวัคซีนให้มากที่สุด พร้อมมีมาตรการรองรับที่พร้อม ซึ่งจะทำให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน
“แม้ว่าการเปิดกรุงเทพฯ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า และต้องพิจารณาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ซึ่งหากเกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่และไม่สามารถควบคุมได้ ผลกระทบที่ตามมาจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง และกระทบกับภาคสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยหอการค้าไทยคาดว่าการเปิดกรุงเทพฯ ครั้งนี้ จะมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่ยังรอดูสถานการณ์ว่า รัฐบาลจะมีมาตรการอื่น ๆ ออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ และมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวเข้ามามากน้อยเพียงใด เพื่อประเมินว่าคุ้มค่าต่อการเปิดดำเนินกิจการหรือไม่ เพราะหากจะต้องเปิดดำเนินการ แปลว่าต้อง run ระบบทั้งหมด ต้องเรียกแรงงานที่เดินทางกลับต่างจังหวัดกลับมาทำงาน ต้องเตรียมมาตรการต่าง ๆ รองรับ เตรียมวัตถุดิบที่ใช้ประกอบการต่าง ๆ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งเป็นต้นทุนทั้งหมด” นายสนั่น กล่าว
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ ภาคเอกชนมองไปที่การบริโภคและการผ่อนคลายธุรกิจในประเทศมากกว่า และทยอยเปิดตามความเสี่ยงที่จัดการได้ นอกจากนั้น การที่จะทำให้ เราสามารถเปิดเมืองได้นั้น ไม่ใช่คงามรับผิดชอบของภาครัฐอย่างเดียว แต่ภาคเอกชน และประชาชน ต้องร่วมมือกันด้วย เพื่อไม่ให้การระบาดกลับมา.-สำนักข่าวไทยอ