ยธ.16 ก.ย.-ยธ.เผยสถานการณ์โควิดของกรมราชทัณฑ์ เรือนจำอำเภอแม่สอด พ้นจากการระบาดเพิ่มวันนี้ ขณะที่อีก 18 แห่งจะสิ้นสุดการระบาดเพิ่มภายในเดือนนี้
ศ.พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 71/2564 โดยมีน.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ น.ส.ศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการ แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ มีเรือนจำที่พ้นจากการระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือ เรือนจำอำเภอแม่สอด ขณะที่ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่ในวันนี้ ส่งผลให้เรือนจำสีแดงลดลงอยู่ที่ 34 แห่ง และเรือนจำสีขาว 108 แห่ง
ขณะที่วันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 394 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 357 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 37 ราย) รักษาหายเพิ่ม 440 ราย ไม่มีรายงานการเสียชีวิตในวันนี้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,659 ราย (กลุ่มสีเขียว 83.6% สีเหลือง 15.4% และสีแดง 1%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 472 ราย (รวมทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์) ปริมณฑล 100 ราย และต่างจังหวัด 5,087 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 56,825 ราย หรือ 88.5% ของผู้ติดเชื้อสะสม 64,236 ราย เสียชีวิตสะสม 134 ราย คิดเป็นอัตรา 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้เน้นย้ำการดำเนินการตามแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือแผน EXIT ของเรือนจำ ทัณฑสถาน และกำชับการดำเนินการตามระบบการปล่อยตัวผู้พ้นโทษ ทั้งในกลุ่มเรือนจำสีแดงที่มีการแพร่ระบาดและเรือนจำสีขาว โดยจะต้องไม่มีผู้พ้นโทษที่ยังติดเชื้ออยู่และได้รับการปล่อยตัวไปรักษาเองที่บ้าน (Home Isolation) โดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้กำชับการดำเนินการตามแผนการบริหารความพร้อมต่อสภาวะวิกฤต (แผน BCP) ในการรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเป็นระบบ ทั้งการดูแลรักษา ผู้ที่ติดเชื้ออย่างรวดเร็วและถูกต้องตามมาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อลดความรุนแรงของโรค และการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเข้าสู่เรือนจำ โดยเฉพาะในเรือนจำที่ยังไม่มีการแพร่ระบาด หรือเรือนจำสีขาว ที่ต้องป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเรือนจำที่ลดการแพร่ระบาดและอยู่ในแผน EXIT แล้วทั้งสิ้น 29 แห่ง จากเรือนจำที่พบการระบาดทั้งหมด 34 แห่ง ซึ่งคาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้จะมีเรือนจำที่สามารถ EXIT ได้ทั้งหมดจำนวน 18 แห่ง โดยเริ่มจากเรือนจำจังหวัดนครนายก และทัณฑบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา เรือนจำกลางขอนแก่น และเรือนจำกลางสมุทรสงคราม ที่จะ EXIT ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนที่เหลือจะเริ่มทยอย EXIT อย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 5 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 3 ราย และเยาวชน 2 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 49 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 7 แห่ง แยกเป็นติดเชื้อ 5 แห่ง และหมดสถานะสีขาว 2 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ที่ 299 ราย หรือคิดเป็น 7.52% จากทั้งหมด 3,972 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนคงที่ที่ 3,795 ราย หรือคิดเป็น 86.74% จากทั้งหมด 4,375 ราย .-สำนักข่าวไทย