บุรีรัมย์ 11 ก.ย. – ฮือฮา! ไฟไหม้ศาลาเก็บสังขารอดีตเจ้าคณะอำเภอพุทไธสง จ.บุรีรัมย์ โลงเสียหายแต่ร่างไม่ระคายเคือง ญาติโยมแห่กราบไหว้ เชื่อเป็นสิ่งอัศจรรย์
เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยชาวบ้านและญาติโยม ช่วยกันเก็บข้าวของเครื่องใช้ พระพุทธรูป และทำความสะอาดบริเวณศาลาอเนกประสงค์ภายในวัดโพนทอง ต.พุทไธสง หลังจากถูกไฟไหม้กลางดึกคืนวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้โครงหลังคา ฝ้าเพดาน ข้าวของเครื่องใช้บางส่วน และโลงเย็นสำหรับบรรจุสังขารพระครูวิลาศธรรมคุณ หรือหลวงปู่วิลาศ อดีตเจ้าคณะอำเภอพุทไธสง ได้รับความเสียหาย แต่ที่สร้างความฮือฮาและชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์คือ สังขารของพระครูวิลาศธรรมคุณ ที่บรรจุในโลงเย็นที่ถูกไฟไหม้กลับไม่เป็นอะไร แม้แต่จีวรที่ห่มร่างของหลวงปู่ก็ไม่มีรอยถูกไฟไหม้แต่อย่างใด เบื้องต้นทางวัดได้เคลื่อนย้ายสรีระสังขารของหลวงปู่วิลาศ ไปไว้ที่ศาลารับรองภายในวัดก่อนชั่วคราว
นายสุนันท์ พวงโต ไวยาวัจกรวัดโพนทอง บอกว่า พระครูวิลาศธรรมคุณ หรือหลวงปู่วิลาส อดีตเจ้าคณะอำเภอ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งดำริของหลวงปู่ได้ทำเรื่องบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เมื่อมรณภาพทางวัดได้แจ้งไปทางโรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งกลับมาว่าเนื่องจากสถานการณ์โควิด ขอนแก่นเป็นพื้นที่สีแดง จึงไม่สามารถเดินทางมารับร่างหลวงปู่ได้ จากนั้นคณะสงฆ์และกรรมการวัดจึงหารือร่วมกัน และมีมติว่าจะประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่วันที่ 11 ธ.ค. 2564 ทางวัดจึงนำร่างหลวงปู่บรรจุในโลงเย็นเก็บไว้ที่ศาลาอเนกประสงค์ เพื่อให้ญาติโยม ศิษย์ยานุศิษย์ มากราบไหว้
แต่เมื่อช่วงประมาณ 4 ทุ่ม คืนวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา จู่ๆ เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณโลงเย็น ซึ่งมีอยู่ 2 โลง เพื่อไว้สลับสับเปลี่ยนจัดเก็บร่างหลวงปู่ เพื่อไม่ให้โลงเย็นทำงานหนัก จากนั้นเกิดไฟลุกลามไหม้โครงหลังคา ฝ้าเพดาน และโลงเย็น ได้รับความเสียหาย แต่สังขารของหลวงปู่ที่อยู่ในโลงเย็นกลับไม่โดนไฟไหม้ แม้แต่จีวรยังอยู่ปกติ ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ จึงพากันมากราบไหว้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าน่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งทางคณะสงฆ์ และกรรมการวัด มีมติเลื่อนการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพเป็นภายในเดือน ก.ย.นี้ จากเดิมมีกำหนดพระราชทานเพลิงศพวันที่ 11 ธ.ค.2564
ขณะที่นางวิไลลักษณ์ ชาวบ้านบ้านโพนทอง บอกว่า รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่ก็อัศจรรย์ใจที่ร่างของหลวงปู่ไม่เป็นอะไร ขณะที่ช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดก็เห็นตะพาบน้ำตัวเล็ก ซึ่งน่าจะถูกไฟไหม้ตายแล้ว จึงหยิบขึ้นมาดูก็เห็นที่ใต้ท้องมีตัวเลขอย่างชัดเจน จึงนำมือถือถ่ายรูปเอาไว้ เชื่อว่าหลวงปู่อาจจะมาให้โชคลาภ.-สำนักข่าวไทย