กาญจนบุรี 5 ก.ย. – กรมอุทยานแห่งชาติฯ บุกจับขบวนการลักลอบตัดไม้กลางดึกอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี จับผู้ต้องหาได้ 1 คน ให้การซัดทอดยกแก๊ง
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า นายวรุณ จันทร์สว่าง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณนำเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ อว.1 (ถ้ำพระธาตุ) และสายตรวจส่วนกลางรวม 12 นายไปดักซุ่มบริเวณป่าชายน้ำบ้านน้ำโจน ต. ท่ากระดาน อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี เนื่องจากได้รับจากสายข่าวว่า มีกลุ่มบุคคลจะลักลอบเข้าไปทำไม้ จนถึงเวลาประมาณ 23.00 น. จึงได้ยินเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ เมื่อติดตามเสียง พบเห็นกลุ่มบุคคลกำลังร่วมกันใช้เลื่อยไม้ในบริเวณดังกล่าว จึงกระจายกำลังปิดล้อมและแสดงตนเพื่อตรวจค้นและจับกุม
เมื่อผู้กระทำผิดเห็นเจ้าหน้าที่จึงพากันวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าลึกโดยอาศัยความมืดและความชำนาญเส้นทาง เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดในบริเวณที่เกิดเหตุได้ 1 คนคือ นายอาทิตย์ สมพงษ์ อายุ 30 ปี อยู่ที่บ้านทุ่งนา ต. หนองเป็ด อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี ซึ่งยอมรับว่า ทำหน้าที่เป็นมือเลื่อยหลัก
ในที่เกิดเหตุพบไม้และอุปกรณ์การกระทำผิด 9 รายการ ดังนี้
- ไม้ประดู่ 3 ท่อน รวมปริมาตรทั้งหมด 1.32 ลูกบาศก์เมตร
- เลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง
- โซ่สำรองสำหรับเลื่อยโซ่ยนต์ ขนาด 36 นิ้ว 2 เส้น
- น้ำมันเบนซิน น 1 แกลลอน
- น้ำมันหล่อโซ่ 1 แกลลอน
- กระเป๋าเครื่องมือ 1 ใบซึ่งภายในประกอบด้วย ไขควง ตะไบ บล็อกหัวเทียน ประแจหกเหลี่ยม คีมปากจิ้งจก ตลับเมตร ค้อน และประแจเบอร์ 17
- ไฟฉายคาดหัว 1 อัน
- ย่ามสะพายข้างสีเหลือง 1 ผืน
- ผ้าใบ 1 ผืน
จากการสอบถามผู้ต้องหาที่จับได้บริเวณที่เกิดเหตุ ให้การซัดทอดว่า ร่วมกับพวกอีก 5 คนที่หลบหนีไปได้ลักลอบตัดไม้ โดยผู้ที่หลบหนีได้แก่ นายสุทัน ไวยิ่ง เป็นผู้ว่าจ้าง รับส่ง จัดหาเสบียง และคอยดูต้นทางบริเวณชายน้ำ อีกทั้งเป็นเจ้าของเลื่อยโซ่ยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ในการกระทำผิด นายอำพล ไวยิ่งยุทธ ซึ่งนำไม้แปรรูปไปจำหน่าย นายสุพัตรา สาดมาลัย เป็นมือเลื่อยสำรองผลัดเปลี่ยนกับผู้ถูกจับกุม นายสุรีรัตน์ สาดมาลัย เป็นคนดูต้นทางในที่เกิดเหตุและคอยสนับสนุนในการทำไม้ และนายไมค์ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นผู้รับจ้างในขนย้ายไม้ออกจากที่เกิดเหตุ โดยทุกคนได้ค่าแรงคนละ 500 บาท/คืน
สำหรับการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ดังนี้
- พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (2) ฐาน “ร่วมกันเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นหรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลายหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ มาตรา 19 (6) ฐาน “ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ มาตรา 20 ฐาน “บุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
- พ.ร.บ. เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4 และมาตรา 17 ฐาน “มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์” มาตรา 7 และมาตรา 20 ฐาน “ไม่มีใบอนุญาตหรือสำเนาภาพถ่ายสำหรับเลื่อยโซ่ยนต์ เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ทันที” ระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท
- พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และฉบับที่แก้ไข มาตรา 11 ฐาน “ทำไม้ประดู่ห้วงห้าม โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไม้ประดู่หวงห้ามและเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิดต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นของกลาง พร้อมจัดทำบันทึกเรื่องราวนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรศรีสวัสดิ์ เพื่อดำเนินคดี รวมทั้งผู้ร่วมกระทำผิดและผู้ว่าจ้างที่ยังหลบหนีให้ครบทั้งขบวนการ. – สำนักข่าวไทย