กทม. 26 ส.ค.- ผบ.ตร.ตั้ง “พล.ต.อ.สุชาติ” หัวหน้าคณะสืบสวนคดี “ผกก.โจ้” กับพวกซ้อมและทรมานผู้ต้องหารีดเงิน ชี้พฤติการณ์ความผิดร้ายแรง สะเทือนขวัญสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์องค์กร
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีเนื้อหาระบุว่า ด้วยเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เกิดเหตุกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบด้วย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวกประกอบด้วย พ.ต.อ.รวีโรจน์ ดิษทอง สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์, ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค รองสารวัตรป้องกันปราบปราม, ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา รองสารวัตร (ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม) ,ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม, ด.ต.ศุภกร นิ่มชื่น ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม และส.ต.ต.ปวีกรณ์ คำมาเร็ว ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ มีพฤติการณ์ร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยการทรมาน นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อเรียกเงิน จำนวนเงิน 2 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาเสพยาเสพติดเกินขนาด ซึ่งต่อมาผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ มีหนังสือตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2564 รายงานว่ากรณีดังกล่าวได้มี น.ส.จันทร์จิรา ธนะพัฒน์ ญาติผู้ตาย ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีอาญากับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล กับพวก โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 1165/2564 ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีข้อ 24 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2564
เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นกรณีข้าราชการตำรวจต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา มีพฤติการณ์อันเป็นความผิดร้ายแรง เป็นคดีสะเทือนขวัญสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งยังเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และเกิดความเป็นธรรมกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง
อาศัยอำนาจตามมาตรา 13(4) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2557 และแก้ไขเพิ่มเติม ประกอบคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 419/2556 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เรื่องการอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา การทำสำนวนการสอบสวน และมาตรการควบคุม ตรวจสอบเร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา บทที่ 4 ข้อ 2.5.4 จึงแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
1.แต่งตั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน, พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน
2.คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน 23 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิชิต ปักษา ผบช.ตชด., พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.,พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผบช.สตม., พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผบช.ภ.6,พล.ต.ต.กรณ์ณทัชญ์ กิตติบูลย์ รองผบช.ภ.2 , พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช รองผบช.ก., พล.ต.ต. ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.สส.ภ.6,พล.ต.ต. ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์, พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป.,พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า รองผบก.ตม.2, พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ เป็กทอง รองผบก.ภ.จว.ตาก, พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.กลุ่มงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรสระแก้ว, พ.ต.อ.สุกรี สินเย็น ผกก.ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ กองตรวจราชการ 8 จเรตำรวจ, พ.ต.ท.สุริยเมศศ์ ภักดีวิวัฒน์ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ท.บุญนำ ลบโลกา รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ท.สมัชญ์ นาคพน รองผกก. (สอบสวน) สภ.คลองลึก จ.ตราด, พ.ต.ท.ทรงพล สุ่มนิล รองผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองนครสวรรค์, พ.ต.ท.บรรจง หนูหว้า สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ต.ตฤณ ลีลานุช สว.กลุ่มงานสนับสนุนเทคโนโลยี บก.ปอท. และ ร.ต.อ.สุรภัทร์ รัตนตรัยวงศ์ รองสว.ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต
โดยให้มีอำนาจหน้าที่ เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนผู้รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดของบุคคล กลุ่มบุคคล หรือเครือข่ายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว หากการสืบสวนพบว่า มีผู้อื่นร่วมกระทำความผิด หรือมีการกระทำความผิดอื่นเกี่ยวเนื่องกันก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนั้นๆ แล้วรายงานผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ
3.แต่งตั้งเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ประกอลด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม เป็นเลขานุการ, พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
อนึ่ง ในการสอบสวนให้พนักงานสืบสวนสอบสวนพึงระมัดระวังเรื่องอำนาจการสอบสวน โดยจะต้องให้มีพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวนร่วมในการสอบสวนด้วยทุกครั้ง.-สำนักข่าวไทย