ยื่นสอบ”เรืองไกร”ถอยเบนซ์ 5 ล้านบาท

รัฐสภา 29 ก.ค.-“ยุทธพงศ์” เอาคืน “เรืองไกร” ยื่นสอบถอยเบนซ์ 5 ล้านบาท  ขณะเป็นกมธ.งบฯ ชี้ถือเป็นพนง.รัฐ ห้ามรับเงินเกิน 3,000 บาท  เผยพรุ่งนี้เตรียมร้อง “ชวน” ตรวจสอบ ก่อนบรรจุวาระ 2-3


นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย  และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 แถลงว่า ได้ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.งบประมาณ 65 กรณีได้รับรถเบนซ์หรูป้ายแดงมูลค่า 5 ล้านบาท ในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็น กมธ.งบฯ 65 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 โดยยื่นต่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธาน กมธ.งบฯ และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ  ในฐานะรองประธาน กมธ.งบฯ คนที่ 4 พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ยื่นร้องต่อนายวิรัชด้วย เนื่องจากนายเรืองไกรเป็นกมธ.งบฯ ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ และตามรัฐธรรมมาตรา 144 ถือว่านายเรืองไกรเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งห้ามรับเงินเกิน 3,000 บาท แม้จะไม่ได้เป็นส.ส.ก็ตาม เพราะนายเรืองไกรเป็นกมธ.งบฯ ที่รับเบี้ยประชุมงบฯ ครั้งละ 1,500 บาท     

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า การที่นายเรืองไกรออกมาโพสต์รูปคู่กับรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ พร้อมระบุข้อความว่า ผู้ใหญ่ใจดีให้เงินซื้อรถใหม่ เอาไว้ใช้ตามใจได้ S 560 ป้ายแดง เลขทะเบียน 8807 ซึ่งปรากฏเป็นข่าวไปทั่ว และเมื่อวันที่ 19 ก.ค.นายเรืองไกรยังให้รายละเอียดข้อมูลดังกล่าวเกี่ยวกับผู้ใหญ่ใจดีถึงการเจรจาต่อรองเรื่องเงินสดประมาณ 20-30 ล้านบาท หรือผู้ใหญ่ใจดีจะให้เป็นรถยนต์ ซึ่งผลการเจรจาทำให้นายเรืองไกรได้รับเงินสดเพื่อไปซื้อรถยนต์ใหม่ดังกล่าว นอกจากนั้นนายเรืองไกรยังยอมรับในรายการเจาะลึกทั่วไทย  โดยอ้างถึงผู้ใหญ่ใจดีแต่ต้องการปกปิดชื่อและสถานะของผู้ให้ทรัพย์สิน


นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นข้อเท็จจริงที่นายเรืองไกรเปิดเผยเอง จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่านายเรืองไกรได้รับการแต่งตั้งจากสภาฯ เป็นกมธ.งบฯ มีหน้าที่ตรวจสอบโครงการหรืออนุมัติจัดสรรงบประมาณในหน่วยงานของรัฐหรืออื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ถือว่านายเรืองไกรเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เงินสด 5 ล้านบาท นายเรืองไกรได้มาอย่างไร เป็นเงินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ หรือไม่ และเงินสด 5 ล้านบาทได้มีการแจ้งธุรกรรมทางการเงินตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือไม่ เพราะเงินสดดังกล่าวอาจได้มาด้วยความไม่โปร่งใสในระหว่างการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ  

“จึงต้องการให้ทั้งนายอาคมและนายวิรัชตรวจสอบข้อเท็จจริงและแจ้งผลต่อกมธ.งบฯ ชุดใหญ่ ก่อนที่กมธ.งบฯ ชุดใหญ่จะพิจารณาเสร็จสิ้นและเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2-3 ในวันที่ 18-20 ส.ค.นี้ และในวันพรุ่งนี้( 30 ก.ค.)เวลา 10.00 น. ตนจะยื่นเรื่องดังกล่าวต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้รับทราบและตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะมีการบรรจุระเบียบวาระการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ในวาระ 2-3 เพราะอาจทำให้มีปัญหาได้ “นายยุทธพงศ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง