อสมท 25 ก.ค.-กรมการปกครอง พร้อมพิจารณาการแปลงเป็นสัญชาติไทยของ “โค้ชเช” เพราะทำคุณความดีให้กับประเทศไทย
นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยถึงกรณีการขอแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทยของโค้ชเช หรือ เช ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย ว่า กระทรวงมหาดไทย พร้อมรับพิจารณาเอกสารทันทีที่เอกสารครบถ้วน พร้อมจะเร่งการพิจารณาโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นการทำคุณความดีให้กับประเทศไทย เช่นเดียวก่อนหน้านี้ที่ โค้ชเซียะ หรือ เซียะ จื่อหัว ฝึกสอนแบดมินตันชาวจีนของ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ เคยสละสัญชาติจีน และเปลี่ยนสัญชาติเป็นไทยตามประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 12 ก.ย.2560
ทั้งนี้ตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 กำหนดว่า ต้องเลือกถือสัญชาติเดียว ซึ่งผู้ที่จะขอแปลงสัญชาติเป็นสัญชาตจิไทย ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1.บรรลุนิติภาวะแล้ว
2.มีความประพฤติดี ผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พฤติการณ์ทางการเมือง ยาเสพติด และพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3.มีอาชีพเป็นหลักฐาน มีใบอนุญาตทำงาน,มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 80,000 บาทต่อเดือน โดยแสดงหนังสือรับรองเงินเดือน หรือรายได้ด้วย ,มีหลักฐานการเสียภาษีมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ในรอบปีก่อนที่ยื่นคำขอ
4.กรณีทำความดีความชอบเป็นพิเศษต่อประเทศไทย หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่ทางราชการ ตามมาตรา 11(1) ของ พ.ร.บ.สัญชาติ 2508 ได้รับการยกเว้นคุณสมบัติของผู้ขอแปลงสัญชาติ ตามมาตรา 10(4) ในเรื่องการมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอ 5 ปี (มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว) และตามมาตรา 10(5) มีความรู้ภาษาไทย โดยพูดภาษาไทยและฟังภาษาไทยเข้าใจได้ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ ยังบัญญัติว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจถอนสัญชาติไทยแก่ผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ เมื่อปรากฎว่า “มีหลักฐานแสดงว่าผู้แปลงสัญชาตินั้นยังใช้สัญชาติเดิม”.-สำนักข่าวไทย