กรุงเทพฯ 25 ก.ค. – รองโฆษก ตร. เผยตรวจพบข่าวปลอม 3 กรณี เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่แชร์ข้อมูลดังกล่าวในช่องทางออนไลน์ ป้องกันความสับสนและตื่นตระหนก
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.64 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จในลักษณะข่าวปลอม (Fake News) จากผู้ไม่หวังดีที่พยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์นั้น โดยในวันนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ตรวจพบข่าวปลอม 3 กรณี คือ
1. กรณีการแชร์ภาพผู้เสียชีวิตถูกห่อไว้จำนวนมาก และกล่าวว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น ทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวไม่ได้เป็นภาพเหตุการณ์ในประเทศไทย โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ตรวจสอบพบว่า ภาพในข่าวที่ถูกแชร์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองเมียวดี รัฐคะหยิ่น สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมีประชาชนจำนวน 22 ราย เสียชีวิตจากโควิด-19
2. กรณีการเผยแพร่ข้อมูลที่ระบุว่า ประเทศไทยเตรียมถอนตัวจากสมาชิก IUCN และถอนยื่นขอมรดกโลกแก่งกระจานนั้น ทางสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงว่า ประเทศไทย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังคงเป็นสมาชิกของ IUCN และยังคงพร้อมให้ความร่วมมือกับการดำเนินงานด้านต่างๆ ของ IUCN และทุกองค์กรด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยให้คงความอุดมสมบูรณ์ และเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างยั่งยืนสืบไป รวมถึงยังไม่มีการประกาศถอนการเสนอป่าแก่งกระจานขึ้นเป็นมรดกโลก ทั้งนี้ คณะกรรมการมรดกโลก มีกำหนดจะพิจารณาวาระของประเทศไทยในการเสนอป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ในวันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม 2564
3. กรณีการนำเสนอภาพที่มีเนื้อหาขอความร่วมมือถึงผู้ประกอบการทั่วประเทศ ให้งดส่งสินค้าทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ซึ่งกล่าวว่าเป็นมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 43/2564 นั้น ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ได้ตรวจสอบและชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า ตามมติที่ประชุมไม่มีการกำหนดเรื่องงดส่งสินค้าทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ตแต่อย่างใด
ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก ซึ่งการกระทำของผู้เผยแพร่ข่าวปลอม อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2), (5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87. – สำนักข่าวไทย