สำนักข่าวไทย 21 ก.ค. – ททท.เร่งสื่อสารนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านสถานทูตต่างประเทศในไทย หลังยอดติดเชื้อโควิดรายวันสูงทะลุหมื่น ระบุขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เตรียมเสนอโมเดล 7+7 อยู่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 7 วัน สามารถไปเที่ยวเกาะอื่นใน จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ได้อีก 7 วัน ให้ ศบศ.พิจารณา
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การประกาศเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 13 จังหวัด อาจกระทบต่อการท่องเที่ยว เนื่องจากมีการขอความร่วมมืองดการเดินทางข้ามจังหวัด แต่เชื่อว่าเป็นมาตรการระยะสั้น หากสามารถควบคุมได้เร็ว การเดินทางท่องเที่ยวและเศรษฐกิจก็จะกลับมาเป็นปกติ แต่ตอนนี้เชื่อว่าทุกคนให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก และยังชะลอการเดินทางท่องเที่ยวอยู่ แต่สำหรับความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติกับสถานการณ์โควิด-19 ในไทย ที่มียอดติดเชื้อทะลุหมื่นคนต่อวัน ยังไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นมากนัก ดูจากยอดการจองเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มากกว่า 2.3 แสนห้อง ซึ่งยอดจองยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแล้ว
ขณะนี้ ททท.ได้เร่งทำความเข้าใจและสื่อสารไปยังสถานทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย เพื่อให้ทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวว่า พื้นที่ที่ไทยเปิดการท่องเที่ยว เป็นพื้นที่ที่สามารถควบคุมโรคได้ มีความปลอดภัย และไม่อยากให้มองเหมารวมยอดติดเชื้อ อยากให้นักท่องเที่ยวต่างชาติโฟกัสไปที่เมืองท่องเที่ยวที่จะมา ส่วนภาพรวมโควิดทั้งประเทศ ขณะนี้รัฐบาลพยายามดำเนินงานแก้ปัญหาโควิดอย่างเต็มความสามารถ
ส่วนกรณีที่สหภาพยุโรป ถอดประเทศไทยออกจากลิสต์ประเทศปลอดภัยจากโควิด ล่าสุดยืนยันยังไม่มีผลกระทบใดๆ
ส่วนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.เตรียมเสนอโมเดล 7+7 คือ เชื่อมการท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ครบ 7 วัน ตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR ไม่พบเชื้อแล้ว สามารถให้เดินทางท่องเที่ยวใน 3 พื้นที่ได้ คือ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี, เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จ.กระบี่ และเขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา เพื่อให้นักเที่ยวต่างชาติมีตัวเลือกในการเที่ยวมากขึ้น ซึ่งเงื่อนไขเดิม คือ ต้องอยู่ภูเก็ตครบ 14 วัน ถึงจะสามารถออกไปท่องเที่ยวยังพื้นที่อื่นๆ ได้ โดยจะนำเสนอในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบศ. เพื่อพิจารณาเห็นชอบ
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่เริ่มเปิดมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทั้งหมด 8,619 คน โดยมาทำกิจกรรมทางทะเล จำนวน 2,385 คน ใช้ท่าเรือโดยสาร 3 ท่า ได้แก่ ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ท่าเทียบเรือรัษฎา และท่าเทียบเรืออ่าวปอ ท่าเรือยอชท์ 5 ท่า ได้แก่ ท่าเรือยอชท์เฮเว่นมารีน่า ท่าเรือยอชท์อ่าวปอแกรนด์มารีน่า ท่าเรือยอชท์โบ๊ทลากูน ท่าเรือยอชท์ภูเก็ตมารีน่า และท่าเรือมารีน่าอ่าวฉลอง มีเรือเข้า-ออก รวม 503 ลำ และข้อมูลจนถึงปัจจุบันยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ทำกิจกรรมทางทะเล.-สำนักข่าวไทย