ทำเนียบ 15 ก.ค.-นายกรัฐมนตรี ขอให้เชื่อมั่นวัคซีน 3 ยี่ห้อที่ไทยเลือกใช้มีประสิทธิภาพ WHO รับรอง ใช้กันแพร่หลายทั่วโลก พร้อมเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ทุกคนในประเทศ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า วัคซีนที่รัฐบาลเร่งจัดหาให้เป็นวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศทั้ง 3 ยี่ห้อในขณะนี้เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โดยที่แอสตร้าเซเนก้าและซิโนแวค ซึ่งเป็นวัคซีนหลัก และซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกนั้น ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและยา และได้รับการยืนยันทางการแพทย์และนักระบาดวิทยาว่า มีประสิทธิภาพสามารถลดอัตราการเสียชีวิตและอัตราการเกิดอาการรุนแรงของผู้ติดเชื้อ
นายอนุชา กล่าวว่า ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้มีแผนการนำเข้าวัคซีนต่างเทคโนโลยี อาทิ วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา ซึ่งเป็นเทคโนโลยี mRNA และวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีไวรัล เวคเตอร์( Viral Vector Vaccine ) เช่นเดียวกับแอสตร้าเซเนก้า ขณะที่ ซิโนแวค และซิโนฟาร์มเป็น Inactivated Vaccine เพื่อให้ความมั่นใจว่าทุกคนที่อยู่ประเทศไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและสามารถลดภาวะเจ็บป่วยรุนแรง
“วัคซีนที่ไทยนำเข้ามาใช้ทั้ง 3 ยี่ห้อมีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยแอสตร้าเซเนก้ามีการใช้แล้วใน 118 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ซิโนแวค มีใช้ใน 37 ประเทศและซิโนฟาร์มมีการใช้ 56 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (The Vaccine Alliance หรือ Gavi) ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างองค์กรรัฐและเอกชน ซึ่งมีทั้ง องค์การอนามัยโลก และ UNICEF ร่วมเป็นสมาชิก มีแผนการจัดส่งวัคซีนกว่า 110 ล้านโดส จากซิโนฟาร์ม จำนวน 60 ล้านโดส และซิโนแวค ประมาณ 50 ล้าน ภายในปีนี้ เพื่อสนับสนุนโครงการโคแวค ในการแจกจ่ายให้กับประเทศยากจนทั่วโลก ซึ่งถือเป็นความร่วมมือกันในระดับนานาชาติเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโวคิด-19 เพราะทุกประเทศ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและเห็นสอดคล้องว่า วัคซีนยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับระบาดไปอีกอย่างน้อยใน 1-2 ปีข้างหน้า” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย