มะนิลา 12 ก.ค. – ผลสำรวจระบุว่า ชาวฟิลิปปินส์ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 43 ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากประชาชนวิตกกังวลเกี่ยวความปลอดภัยของวัคซีนน้อยลง
พัลส์ เอเชีย หน่วยงานสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในฟิลิปปินส์ เผยวันนี้ว่า มีชาวฟิลิปปินส์ร้อยละ 43 ที่ระบุว่าต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนที่มีเพียงร้อยละ 16 ในเดือนกุมภาพันธ์ ผลสำรวจดังกล่าวได้สอบถามความคิดเห็นจากชาวฟิลิปปินส์ 2,400 คนตั้งแต่วันที่ 7 – 16 มิถุนายน ซึ่งเป็นเวลากว่าสามเดือนนับตั้งแต่ฟิลิปปินส์เริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในวันที่ 1 มีนาคม
ในขณะเดียวกัน นายแฮร์รี โร้ก โฆษกของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นดังกล่าวว่า ทางการรู้สึกดีใจที่วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นทางออกจากสถานการณ์ระบาดรุนแรงได้จริง ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า วัคซีนคือหนทางเดียวที่จะช่วยให้ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ดังเดิม เดือนที่แล้วประธานาธิบดีดูเตอร์เตได้ขอให้ชาวฟิลิปปินส์เข้ารับการฉีดวัคซีน พร้อมทั้งขู่ว่าจะจับกุมผู้ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน หรือบังคับฉีดยาที่ใช้ในสุกร หลังได้รับข้อมูลว่ามีประชาชนไม่เต็มใจฉีดวัคซีนหรือมีปัญหาในการนัดหมายเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน
ขณะนี้ ฟิลิปปินส์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกให้แก่ประชาชนเกือบ 9.7 ล้านคน และมีประชาชนราว 3.5 ล้านคนได้รับวัคซีนครบสองโดส หรือคิดเป็นร้อยละ 3.2 จากประชากรทั้งหมด 110 ล้านคน ข้อมูลของรัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุว่า ในจำนวนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน 6.2 ล้านคนแรก พบอาการข้างเคียงหลังฉีดเพียงร้อยละ 0.6 มีผู้ป่วยติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบสองโดสเพียง 65 คน และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหลังฉีด ขณะนี้ ฟิลิปปินส์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.47 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 26,000 คน ทำสถิติยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย. -สำนักข่าวไทย