กรมราชทัณฑ์ 12 ก.ค.- ราชทัณฑ์ รายงานสถานการณ์โควิดในเรือนจำ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 73 ราย ไม่มีรายงานเสียชีวิต ขณะที่วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น 1 แห่ง คือ เรือนจำอำเภอธัญบุรี หลังพบผู้ต้องขังติดเชื้อจากแดนใน ทำให้มีเรือนจำสีแดงรวม 13 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดลดลงเป็น 120 แห่ง
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 73 ราย รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,862 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในวันนี้
นายอายุตม์ เปิดเผยว่า วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น1 แห่ง คือ เรือนจำอำเภอธัญบุรี ที่พบผู้ต้องขังติดเชื้อจากแดนใน ทำให้มีเรือนจำสีแดงรวม 13 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดลดลงเป็น 120 แห่ง โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากเรือนจำสีแดง 71 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 2 ราย มีผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่ม 4 ราย รวมหายสะสม 35,472 ราย หรือ 94.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 37,649 ราย สำหรับผู้ต้องขังที่ยังรักษาตัวอยู่ เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 71.4% สีเหลือง 28.1% และสีแดง0.5% ผู้เสียชีวิตสะสม 47 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสม
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ได้ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ทั้งการป้องกันเชื้อจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ และการป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ สำหรับผู้ต้องขังรับใหม่ ต้องทำการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อก่อนเข้าห้องกักโรค และจัดทำพื้นที่แยกกักรอผลเฉพาะ หากไม่พบเชื้อจะดำเนินการกักโรคเป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน และต้องตรวจหาเชื้อก่อนออกจากห้องกักอีก 1 รอบ แต่ถ้าตรวจพบเชื้อจะส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลสนาม
ภายนอก พร้อมแยกกักผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงสูงทุกรายเพื่อตรวจหาเชื้อซ้ำ และเริ่มนับระยะการกักตัวใหม่ต่อไปอีก 21 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดเชื้อหากพบการติดเชื้อจากแดนใน ให้ประสานสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อสอบสวนและดำเนินการควบคุมโรคโดยเร็วที่สุด พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเรือนจำ คัดกรองผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มสีเขียวเหลือง และแดง เร่งการ X-ray ปอดผู้ติดเชื้อ แยกกักโรคผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง เพื่อตรวจหาเชื้อ จัดแบ่งพื้นที่เพื่อทำ Bubble and Seal ในผู้ต้องขังแต่ละกลุ่มให้แยกจากกัน ส่วนการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังกลุ่มอื่นๆ นั้น จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและแนวทางของสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านการป้องกันเชื้อในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นอกจากจะได้รับวัคซีนป้องกันชื้อ และเน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่กำหนดอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังจัดแบ่งการปฏิบัติหน้าที่ออกเป็นชุด ซึ่งแต่ละชุดจะปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 7 วันติดต่อกัน และหมุนเวียนสลับกันตามจำนวนของบุคลากรในแต่ละแห่ง โดยระหว่างการพักเวร ห้ามออกนอกพื้นที่หรือเดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยงโดยเด็ดขาด และขอความร่วมมืองดการมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นที่อาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ.-สำนักข่าวไทย