กรุงเทพฯ 12 ก.ค. – เริ่มแล้วกับการตั้งด่านเคอร์ฟิว กวดขันเอาจริงกับผู้ที่มีเจตนาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของ ศบค. ซึ่งเมื่อคืนนี้ ผบช.น.ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเอง
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงพื้นที่ไปดูการตั้งจุดตรวจจุดสกัดใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี ขาเข้า ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของพื้นที่ สน.พญาไท และแยกนานา ถ.สุขุมวิท พื้นที่รับผิดชอบของ สน.ลุมพินี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ 88 ด่านตรวจชั้นในกรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ที่ตั้งเพิ่มเติมนอกเหนือจากด่านคัดกรองโควิด-19 ขาเข้ารอบกรุงเทพมหานคร 6 จุดหลัก ซึ่งตั้งตลอด 24 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เปิดเผยว่า ตำรวจนครบาลมีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ทุกจุดตรวจ โดยกำชับให้มีการป้องกันการแพร่ระบาดระหว่างการตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะ โดยตำรวจจะต้องสวมหน้ากากอนามัย และฉีดพ่นเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดตลอดเวลา ซึ่งตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ยังด่านตรวจจะต้องฉีดวัคซีนครบโดส เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและปลอดภัย
นอกจากนี้ บุคคลที่ผ่านด่านตรวจทุกคนจะถูกตรวจสอบทะเบียนประวัติอาชญากรด้วยว่า เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไปในตัวด้วย
ทั้งนี้ ฝากถึงประชาชนให้ปฏิบัติตาม อย่าออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยไม่จำเป็น หากตรวจสอบแล้วพบว่าออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็น ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ด้วยกัน
สำหรับการตั้งด่านตรวจดังกล่าว ย้ำว่า หากเป็น 6 กลุ่มอาชีพ คือ บุคลากรทางการแพทย์ พนักงานขนส่งสินค้า บุคลากรในระบบขนส่งมวลชน กลุ่มบุคคลที่ต้องออกไปช่วยเหลือประชาชน เช่น เจ้าหน้าที่กู้ภัย-กู้ชีพ ผู้ดูแลระบบสาธารณูปโภคทุกรูปแบบ และบุคคลที่ต้องทำงานกะกลางคืน ที่ต้องเดินทางในช่วงที่มีการประกาศเคอร์ฟิว สามารถทำได้ แต่ต้องมีเอกสารรับรองจากต้นสังกัด ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับการยกเว้นใน 6 กลุ่มนี้ หากถูกเรียกตรวจและพบว่ามีเจตนาฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามที่มีการประกาศบังคับใช้กฎหมาย ตำรวจก็จะดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งมีโทษจำคุก 2 ปี และปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะคุมตัวส่งฟ้องศาลในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที. – สำนักข่าวไทย