แวนคูเวอร์/พอร์ตแลนด์ 1 ก.ค. – คลื่นความร้อนที่ส่งผลให้อุณหภูมิในภาคตะวันตกของแคนาดาและภูมิภาคแปซิฟิกนอร์ทเวสต์ของสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ยังคงทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่เตรียมรับมือสภาพอากาศร้อนจัดและไฟป่า
รัฐออริกอนของสหรัฐรายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 63 รายที่เชื่อมโยงกับคลื่นความร้อน ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตมากถึง 45 รายในมัลต์โนมาห์ เคาน์ตีและเมืองพอร์ตแลนด์ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของมัลต์โนมาห์เคาน์ตีระบุว่า ภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปเป็นสาเหตุเบื้องต้นของการเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ รัฐออริกอนพบผู้เสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปเพียง 12 รายในช่วงปี 2560-2562 ขณะที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐออริกอนได้รับรายงานจากโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วรัฐว่า มีประชาชนหลายร้อยคนมาโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีอาการที่เชื่อมโยงกับคลื่นความร้อน
หน่วยงานชันสูตรของรัฐบริติชโคลัมเบียในแคนาดารายงานว่า พบผู้เสียชีวิตกะทันหันอย่างน้อย 486 รายในรอบ 5 วันที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากตัวเลขผู้เสียชีวิตตามปกติในช่วงเวลาดังกล่าว ด้านนายเดวิด ฟิลลิปส์ นักอุตุนิยมวิทยาระดับอาวุโสของหน่วยงานสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแคนาดา (ECCC) เผยว่า ปรากฏการณ์โดมความร้อนที่กักเก็บคลื่นความร้อนและปิดกั้นการแทนที่อากาศได้อ่อนกำลังลงในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางตะวันออก แต่ยังคงมีความรุนแรงพอที่จะทำให้พื้นที่ในรัฐแอลเบอร์ตาไปจนถึงรัฐแมนิโทบาของแคนาดาเผชิญกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกระตุ้นให้ปัญหาคลื่นความร้อนรุนแรงและความแห้งแล้งที่ยาวนานเวียนมาบรรจบกัน ทั้งยังเตือนว่า สหรัฐมีความล่าช้าในการเตรียมพร้อมรับมือไฟป่าที่อาจทวีความรุนแรงสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ได้หยุดกล่าวคำปราศรัยเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ในกรุงออตตาวา เพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนรุนแรงและแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับไฟป่า.-สำนักข่าวไทย