รัฐสภา 4 มิ.ย.-วัชระ-สมบูรณ์ ร้อง “ชวน” เปิดเผยข้อมูลมหากาพย์ก่อสร้างรัฐสภาล่าช้า เอื้อเอกชน งดค่าปรับเกือบ 2 พันล้านบาทหรือไม่
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นหนังสือผ่านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับยื่นหนังสือถึงนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ ประธานตรวจการจ้าง สอบถามเรื่องความคืบหน้าและระยะเวลาการเสร็จสิ้นของการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยระบุว่า เนื่องจากเลขาธิการสภาฯ เคยระบุว่า จะเปิดใช้อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 โดยการก่อสร้างเสร็จเกือบ 100 % และสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ไม่อนุมัติการขยายระยะเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาให้แก่ผู้รับจ้าง โดยได้คิดค่าปรับแก่ผู้รับจ้างตามสัญญาฯตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 จนกว่าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาจะแล้วเสร็จหรือไม่ ซึ่งการกำหนดวันที่งานก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นวันที่สำคัญต่อการคิดคำนวณค่าปรับ จึงต้องมีความชัดเจนว่า ปัจจุบันการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแล้วเสร็จหรือไม่ และถ้ายังไม่แล้วเสร็จ จะแล้วเสร็จในวันใด ซึ่งจากวันที่ได้ระบุไว้จนถึงวันนี้เวลาได้ล่วงเลยมากว่า 1 เดือนแล้ว
นายวัชระ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารรัฐสภา มาจากงบประมาณแผ่นดิน ที่มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ ข้อมูลและระยะเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภา จึงควรต้องเปิดเผยต่อประชาชน เพราะจะมีผลต่อจำนวนค่าปรับที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง และมีผลต่อการนับระยะเวลาการรับประกันผลอีกด้วย และจนถึงขณะนี้ได้ส่งหนังสือเรียกค่าปรับ นับแต่วันผิดสัญญา 1 มกราคม 2564 วันละ 12.28 ล้านบาท จนถึงวันที่เท่าใดและให้ชำระค่าปรับรวมเป็นเงินเท่าใด ขอให้แจ้งต่อสาธารณชนได้ทราบ
“ความจริงหากนับถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ผู้รับจ้างผิดนัดตามสัญญา รวม 155 วัน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต้องเรียกค่าปรับจากผู้รับจ้างเป็นเงิน 1,903,400,000 บาท เรื่องนี้เป็นผลประโยชน์สาธารณะ ซึ่งข้อมูลยังไม่มีความชัดเจน และไม่เปิดเผยอย่างโปร่งใส ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงแต่อย่างใด ดังนั้นจึงขอให้ประธานสภาฯ ได้สั่งการให้ผู้รับผิดชอบออกมาเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการดำเนินการเกี่ยวกับค่าปรับต่อผู้รับจ้างก่อสร้างซึ่งต้องนำส่งกระทรวงการคลังต่อไป” นายวัชระ กล่าว.-สำนักข่าวไทย