fbpx

เปิดหลักฐานเด็ดมัด “ลุงพล” นำไปสู่หมายจับ

มุกดาหาร 2 มิ.ย. – เมื่อวานนี้ ศาลจังหวัดมุกดาหาร อนุมัติหมายจับ “ลุงพล” ใน 3 ข้อหา คดี “น้องชมพู่” โดยหลักฐานสำคัญที่มัดตัว “ลุงพล” มีทั้งดีเอ็นเอที่ได้จากเส้นขน กางเกง รองเท้า และจากการให้ปากคำของพยานแวดล้อมทั้งหมด ด้านแม่ของ “น้องชมพู่” ขอบคุณ ผบ.ตร.ที่นำทีมสอบสวนมือดีมาร่วมคลี่คลายคดี และมอบความยุติธรรมให้ครอบครัวตน


คดี “น้องชมพู่” วัย 3 ขวบ หายตัวปริศนาไปจากบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนถูกพบเป็นศพในสภาพเปลือยในป่าบนภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านของน้องชมพู่เพียง 1.8 กิโลเมตร ในวันที่ 14 พฤษภาคม และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เคยแถลงยืนยันคดีนี้การพิสูจน์หลักฐานทางคดี เชื่อได้ว่า น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตัวเอง เพราะขนาดผู้ใหญ่เดินขึ้นไปยังเหนื่อย ทำให้เชื่อได้ว่า มีผู้พาขึ้นไป และทำให้ถึงแก่ความตาย ขณะที่ตำรวจมุกดาหารบอกให้รอเกาะติดความคืบหน้าคดีในสัปดาห์นี้ เพราะหลักฐานทั้งหมดที่เคยรวบรวมได้ ผลทางนิติวิทยาศาสตร์ออกแล้ว และสอดคล้องกับพยานบุคคลที่เคยมี ทำให้เมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) ตำรวจหอบหลักฐานทั้งหมดไปขอศาลออกหมายจับคนร้าย

และล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล อายุ 44 ปี ลุงเขยของน้องชมพู่ ใน 3 ข้อหา คือ 1. พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-300,000 บาท 2. ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย โทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และ 3. กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000-40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากการกระทำผิดเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี ผู้กระทำต้องระวางโทษเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น


ส่วนหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับครั้งนี้ เป็นหลักฐานบริเวณจุดพบศพน้องชมพู่ ที่มีทั้งกางเกง รองเท้า และเส้นขน 3 เส้น ที่ตรวจดีเอ็นเอด้วยวิธีพิเศษ เพราะไม่พบรากขน ทำให้การตรวจครั้งแรกพบเพียงเชื่อมโยงกับเพศหญิง ซึ่งระบุได้ว่าเป็นญาติทางสายเลือดฝั่งแม่เด็ก ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้งเส้นขนของน้องชมพู่เอง แม่ พี่สาว ป้า น้า ยาย แต่การตรวจด้วยวิธีพิเศษที่มีเครื่องมือเพียง 2 เครื่อง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ที่ไทยและสิงคโปร์ พบความเข้ากันได้มากที่สุดกับ “ป้าแต๋น” ภรรยาของลุงพล ทำให้เส้นขนกลายเป็นหลักฐานเด็ดมัดตัวลุงพล ควบคู่ไปกับหลักฐานเด็ดอีกชิ้นที่เป็นเส้นผมที่ตกอยู่ในรถของลุงพล ซึ่งเส้นผมดังกล่าวเป็นเส้นผมกลุ่มเดียวกับเส้นผม 36 เส้นของน้องชมพู่ที่ถูกตัดด้วยมีด ความยาวเส้นละประมาณ 1 เซนติเมตร และถูกพบบริเวณจุดที่พบศพของน้องชมพู่ ทั้งยังมีเส้นผมของคนใกล้ชิดคนร้ายที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งที่คนใกล้ชิดไม่ได้ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ นอกจากนี้ การเข้าเครื่องจับเท็จของลุงพลก็มีพิรุธ ประกอบกับคำให้การของพยานแวดล้อม ทุกอย่างขมวดรวม บ่งชี้ได้ว่า คดีนี้ลุงพลเท่านั้นที่จะพาตัวน้องชมพู่ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได

ขณะที่การสันนิษฐานของตำรวจ คือ ลุงพลได้พาตัวน้องชมพู่ออกจากบ้านไปซ่อนไว้ ก่อนกลับมาทำธุระ และหาพยานอ้างอิง (การสันนิษฐานนี้สามารถโยงไปกับข้อหาที่ 1 ได้) จากนั้นพาน้องชมพู่ขึ้นไปทิ้งบนภูเหล็กไฟ ทำให้น้องขาดน้ำและอาหารจนถึงแก่ความตาย (โยงได้กับข้อหาที่ 2) ก่อนจัดฉากอำพรางคดีให้หลงเชื่อว่าเป็นเหตุฆาตกรรม ด้วยการตัดเส้นผม ทำให้คล้ายกับเป็นเรื่องมนต์ดำเขมร (เชื่อมโยงกับการตั้งข้อหาที่ 3) ส่วนรายละเอียดทั้งหมด ผบ.ตร.เตรียมแถลงในวันนี้ ขณะที่ “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด บอกว่า 10.00 น. วันนี้ จะให้สัมภาษณ

ด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวทันทีที่ทราบว่า ลุงพลถูกออกหมายจับ โดยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีน้องชมพู่ ซึ่งแม่บอกว่า คนคนนี้ควรจะมีความเมตตาสงสารน้องชมพู่มากกว่าคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก เชื่อว่าหากลุงพลมีจิตสำนึก น้องชมพู่คงไม่ตาย


ส่วนที่ลุงพลเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สงสัยลุงพล เพราะเห็นลุงพลให้ข่าวกับสื่อ มีลักษณะพูดกลับไปกลับมา อย่างเช่น ลุงพลเคยบอกว่า ลุงพลมาเติมลมรถที่บ้าน แล้วน้องชมพู่ร้องตามลุงพล ถ้าเอาน้องไปด้วยคงไม่ตาย สิ่งนี้คือครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์ จากนั้นก็ออกมาแก้ข่าวว่าจำวันผิด

กรณีที่พระอาจารย์บุญมาออกมาให้ข่าว ลุงพลก็ออกมาให้ข่าวโต้พระอาจารย์บุญมา พ่อแบมออกมาพูด เขาก็ออกมาโต้พ่อแบม และตำรวจก็ไม่ได้สอบสวนแค่ลุงพลคนเดียว ตำรวจสอบสวนคนทั้งหมู่บ้าน รวมทั้งตนเองและนายอนามัยด้วย พร้อมฝากถึงสังคม ในฐานะที่ตนเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าลูกตัวเองว่า ตนเลือกที่จะนิ่งและปลง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนตอนนั้น และยอมรับว่า ชดใช้กรรมที่ถูกสังคมด่า และลุงพลเขาต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำกับน้องชมพู่ ตนอยากบอกกับชมพู่ว่า ลูกได้รับความยุติธรรมแล้วนะ

นอกจากนี้ แม่ของน้องชมพู่ ยังได้ขอบคุณ ผบ.ตร.ที่นำทีมสอบสวนมือดีมาร่วมคลี่คลายคดี และในโอกาสวันคล้ายวันเกิดตนเอง วานนี้ (1 มิ.ย.) รู้สึกว่าได้รับพรวิเศษ เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่ตำรวจมอบความยุติธรรมให้ครอบครัวตนเอง

อย่างไรก็ตาม แม่บอกว่า หากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตอนนี้ยังไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ขอปรึกษาผู้ที่มีความรู้ในด้านนี้ก่อน เชื่อว่าต้องมีคนอยากให้ความช่วยเหลือบ้าง ตนเคยบอกผู้ต้องหาก่อนหน้านี้แล้วว่า ใครที่ทำอะไรไว้ ก็ให้มอบตัว โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา แต่ตอนนี้คุณไม่มีโอกาสนั้นแล้ว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ถ้ำผาจมแม่สาย…ชีวิตบนกองโคลน

ผ่านมา 11 วันแล้วที่ชาวบ้านในหลายชุมชนชายแดนแม่สาย จมทั้งน้ำและโคลน โดยเฉพาะบ้านถ้ำผาจม ชาวบ้านหลายร้อยชีวิต ยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ บางหลังยังมีโคลนท่วมสูงกว่า 2 เมตร ขณะที่บางคนต้องใช้ชีวิตอยู่บนโคลนโดยเฉพาะยามค่ำคืน

น้ำป่าหลากท่วมชัยภูมิ ถนน 2 อำเภอ ถูกตัดขาด

พายุพัดถล่มชัยภูมิ น้ำป่าหลากจากเทือกเขาพังเหย ทะลักท่วมถนน 2 อำเภอถูกตัดขาด ส่วน จ.พังงา ประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินดินสไลด์หมู่บ้านริมคลองถนนใหม่

หนุ่มง้ออดีตภรรยาไม่สำเร็จ ยิงยกครัวดับ 4 ศพ

สลด เจ้าของรีสอร์ต ง้อขอคืนดีอดีตภรรยาไม่สำเร็จ ใช้อาวุธปืนยิงอดีตภรรยา แม่ยาย น้องเมีย ก่อนยิงตัวเอง ต่อหน้าลูกสาววัย 1 ขวบ 8 เดือน

หมูเด้งฟีเวอร์ นักท่องเที่ยวแน่นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

หมูเด้งฟีเวอร์ น่ารักไม่หยุดฉุดไม่อยู่ นักท่องเที่ยวแห่ไปชมความเด้ง จนแน่นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯ จัดพื้นที่อำนวยความสะดวกแล้ว พร้อมชวนชมน้องหมูตุ๋น