ภูเก็ต, ตรัง 20 ก.พ.-ทีมข่าวสำนักข่าวไทย อสมท เดินหน้าตรวจสอบกรณีหญิงพนักงานสาวสปา จ.ภูเก็ต เข้าขอความช่วยเหลือจากยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต อ้างตกเป็นแพะคดีชิงทรัพย์มูลค่ารวมกันกว่า 700,000 บาท เหตุเกิดเมื่อปี 2554 และปลายปีที่แล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกเธอเป็นเวลา 10 ปี
นื่คือภาพกล้องวงจรปิดจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง ที่ตำรวจภูธรหาดสำราญใช้เป็นหลักฐานขอศาลจังหวัดตรังออกหมายจับเมื่อปี 2555 หลังเจ้าทุกข์ชี้ยืนยันบุคคลในภาพคือ น.ส.พลอย ผู้ลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ด้วยการใช้ยานอนหลับผสมในสุราให้ดื่ม ขณะอยู่ด้วยกันเพียงลำพังภายในรีสอร์ท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554
ต่อมาตำรวจขยายผลจากคำให้การของเจ้าทุกข์ ที่ระบุว่า น.ส.พลอย มีอาชีพเป็นหมอนวดอยู่ใน จ.พัทลุง และควบคุมตัวได้ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2559 หลังถูกจับกุม น.ส.พลอย ถูกศาลชั้นต้นจังหวัดตรังตัดสินให้มีความผิดโดยให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี และชดใช้เงินคืนจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการยื่นอุธรณ์
อย่างไรก็ตาม น.ส.พลอย ซึ่งปัจุบันเป็นพนักงานสปาใน ต.กะรน จ.ภูเก็ต ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม โดยยืนยันว่า ตนเองตกเป็นแพะในคดีนี้ เนื่องจากหญิงสาวที่ปรากฏในภาพถ่ายไม่ใช่ตนเอง พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบภาพ เพื่อพิสูจน์หารอยสักบนข้อมือ ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่เจ้าทุกข์อ้างว่าใช้ติดต่อกับเธอในวันเกิดเหตุ รวมถึงอขอให้ตำรวจเปิดเผยลายนิ้วมือที่ระบุว่า มีการเก็บไว้ในวันเกิดเหตุ เพื่อเทียบเคียงกับลายนิ้วมือของเธอในปัจจุบัน
ขณะที่เจ้าทุกข์ในคดีนี้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยผ่านทางโทรศัพท์เล่าว่า เขาทราบเพียงว่าหญิงสาวที่ลงมือก่อเหตุมีชื่อเล่นว่า พลอย อาศัยอยู่กับแม่ใน จ.ตรัง โดยพบกันในผับแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีการแลกเบอร์โทรและนัดพบกันในวันถัดมา วันเกิดเหตุ เขาพร้อมด้วยเพื่อนชายอีก 2 คน ได้รับ น.ส.พลอย มารับประทานอาหาร จากนั้น น.ส.พลอย ได้โทรศัพท์เรียกเพื่อนสาวอีก 2 คนมาสมทบ ก่อนทั้งหมดจะแยกย้ายเข้าไปในรีสอร์ทและถูกวางยา โขมยทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ แหวน และพระพุทธโสธร มูลค่ารวมกันกว่า 700,000 บาท ทั้งนี้ แม้ในวันพิจารณาคดีจะเห็น น.ส.พลอย ผ่านทางจอภาพ แต่มั่นใจว่าเป็นคนเดียวกันกับผู้ลงมือก่อเหตุ.-สำนักข่าวไทย