กรมอนามัย ย้ำโรงงานคุมเข้มโควิด-19

กทม. 26 พ.ค.-กรมอนามัย ย้ำโรงงานคุมเข้มโควิด-19 ประเมินผ่านแพลตฟอร์ม ‘Thai Stop COVID Plus’ พนักงานประเมินผ่าน ‘ไทยเซฟไทย’

​กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงโรงงานที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด–19 สูงขึ้น ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงงานประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus พร้อมคุมเข้มคัดกรองผู้ปฏิบัติงานก่อนมาทำงานและต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และให้ประเมินตนเองผ่านเว็บไซต์ “ไทยเซฟไทย” ลดนำเชื้อเข้าสู่โรงงาน


​นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะนี้พบมีการกระจายไปยังสถานประกอบกิจการต่าง ๆ รวมทั้งในโรงงานแต่ละพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในสถานประกอบการที่มีพนักงานมากกว่า 500 คน ขึ้นไป มีความหนาแน่นของคนมากกว่า 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร มีแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานที่มาจากพื้นที่สูง รวมถึงยังพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนใกล้เคียงหรือชุมชนที่พนักงานอาศัยอยู่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุและความเสี่ยงที่พนักงานอาจจะนำเชื้อเข้ามาในโรงงานได้ ส่งผลให้มีความเสี่ยงเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่ายหากไม่มีมาตรการป้องกันที่ดี เนื่องจากเป็นพื้นที่ปิด หรืออาคารเป็นระบบปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และค่อนข้างแออัด

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ทุกสถานประกอบการประเภทโรงงานจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยสถานประกอบการต้องประเมินตนเองผ่านระบบ Thai Stop COVID Plus ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการประเมินสถานประกอบการให้เป็นไปตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และในส่วนของพนักงานที่มาปฏิบัติงานต้องมีการคัดกรองก่อนเข้าทำงาน ในระดับเข้มข้นโดยให้พนักงานประเมินตนเองผ่านเว็บไซต์ “ไทยเซฟไทย” ที่ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 สู่เพื่อนร่วมงานก่อนเข้ามาทำงานทุกวัน ลดความแออัดหรือความหนาแน่นบริเวณที่ปฏิบัติงาน จัดสถานที่ทำงานให้โล่งมีการระบายอากาศที่ดี ส่วนผู้ปฏิบัติงานให้สวมหน้ากากอนามัยหรือสวมหน้ากากผ้าตลอดเวลาทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์ และรักษาระยะห่างระหว่างกันไม่น้อยกว่า 1-2 เมตร หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการผิดปกติทางผิวหนัง ไอ หรืออาการทางระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ให้หยุดงานและไปพบแพทย์


“สำหรับสถานที่พักพนักงาน ให้หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ควบคุมความสะอาดของที่พักให้ได้มาตรฐาน หากมีรถรับ-ส่งพนักงาน ต้องจำกัดจำนวนไม่ให้แออัด ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากทุกคนและทุกครั้งที่ใช้บริการ หมั่นทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในรถเป็นประจำ ส่วนโรงอาหารให้มีการกำหนดเส้นทางการเดิน รวมถึง จุดนั่ง ยืน เดิน หรือรอพักให้ชัดเจน แยกสำรับอาหารหรือจัดเป็นชุดเดียว รวมทั้งใช้แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อนส้อมของส่วนบุคคลเพื่อลดการใช้อุปกรณ์ร่วมกัน ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และในช่วงนี้ห้ามมีการเคลื่อนย้ายคนงานข้ามจังหวัด” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

คุมตัวสาวใหญ่โหดฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ทำแผนฯ

ตร. คุมตัวสาวใหญ่โหด ลวงเพื่อนฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวสำนึกผิด ฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ยอมรับทำเพราะติดหนี้พนันออนไลน์

Drone video captures severe flooding caused by super typhoon Man-Yi in the Philippines

ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนัก หลังไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” ถล่ม

มะนิลา 18 พ.ย. – ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ (Man-yi) พัดถล่มเกาะลูซอน ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดคลื่นสูง 7 เมตรบริเวณริมชายฝั่ง ส่งผลกระทบประชากรกว่า 760,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนูเอวาเอซีฮา ทางตอนกลางของเกาะลูซอน ที่มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มและสาธารณูปโภคพังเสียหายมากมาย ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พายุหม่านหยี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วง 1 เดือน ทั่วทั้งประเทศต้องตื่นตัวเพื่อรับมือภัยพิบัติด้วยมาตรการต่าง ๆ.-812(814).-สำนักข่าวไทย

ฆ่าตัดนิ้ว

เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วแม่ยายอัยการ ชิงทรัพย์ล้างหนี้พนัน

หญิงวัย 56 ปี เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์แม่ยายอัยการ ก่อนนำทรัพย์สินไปขายใช้หนี้พนัน ตำรวจคุมตัวไปตามหาทรัพย์สินของกลาง อ้างลงมือก่อเหตุคนเดียว