กรุงเทพฯ 19 พ.ค.- “โฆษก ภท.” ซัดระบบ “หมอพร้อม”แต่ไม่พร้อม ย้อนแย้งแนวทางกระจายวัคซีนรัฐบาล อัดกทม.ไม่ให้ข้อมูล เตรียมแผนกระจายวัคซีน ทำประชาชนสับสน
นายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มมีความตื่นรู้และตื่นตัวกับการรับวัคซีนโควิด-19 แต่การกระจายวัคซีนที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป ยอมรับว่าเป็นห่วงการกระจายวัคซีนในกรุงเทพมหานคร เพราะเป็นจังหวัดที่มีอัตราการติดเชื้อในแต่ละวันสูงมาก จึงจำเป็นต้องกระจายวัคซีนให้กับชาวกรุงเทพมหานครอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว ซึ่งประชากรในกรุงเทพมหานครน่าจะมีถึง 7-8 ล้านคน หากต้องฉีดให้กับประชากรในกรุงเทพฯให้ได้ 70% ของประชากรทั้งหมด ต้องกระจายวัคซีนเกือบเดือนละ 2,000,000 โดส แต่ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตวิธีการดำเนินการของกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะระบบสาธารณสุขที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ผู้ว่าฯกทม.ออกมาให้ข่าวว่าจะมีวัคซีนให้กับคนกรุงเทพฯอย่างพอเพียง เดือนหนึ่งจะฉีดให้ได้ประมาณ 2,000,000 โดส แต่ผมยังไม่เห็นถึงแนวทางปฏิบัติว่ากรุงเทพมหานครจะดำเนินการจัดสรรวัคซีนลงไปให้กับพี่น้องประชาชนตามเป้าหมาย ที่ท่านว่าว่าท่านจะทำอย่างไร จุดให้บริการฉีดวัคซีนในกรุงเทพมหานครมีกี่จุด แล้วใครต้องไปฉีดที่ไหน ไม่มีใครตอบได้แล้วไม่มีใครรู้เลยว่าตัวเองต้องไปฉีดวัคซีนที่ไหน วันนี้วันที่ 19 พฤษภาคม แล้ววันที่ 1 มิถุนายนจะเริ่มฉีดวัคซีน เหลืออีก 11 วันแต่พี่น้องประชาชนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องไปฉีดวัคซีนที่ไหนจึงอยากให้กรุงเทพมหานครทำความเข้าใจกับประชาชน”นายภราดร กล่าว
นายภราดร กล่าวว่าแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม ได้รับการสอบถามเข้ามาเยอะมาก และเห็นกระแสดราม่าทุกวันในสื่อโซเชียล ว่าแอพหมอพร้อมมันไม่พร้อม เพราะคนลงทะเบียนได้คือคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะนี้รู้จำนวนวัคซีนว่ามีมากเพียงพอแล้ว และมีการเปิดให้บุคคลทั่วไปได้ลงทะเบียนในหมอพร้อมด้วย แต่ปรากฏว่าเมื่อลงทะเบียนให้หมอพร้อม กลับมีข้อความขึ้นมาว่า “ท่านไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย” หมายความว่าระบบหมอพร้อมยังล๊อคการขึ้นทะเบียนสำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น จึงเกิดความลักลั่น และเมื่อประชาชนทั่วไปขึ้นทะเบียนไม่ได้เป้าหมายที่จะให้ฉีดวัคซีน 50,000,000 คนภายในเดือนกันยายนจะทำไม่ได้ จึงรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากกับระบบการขึ้นทะเบียน ดังนั้นรัฐบาลควรจะต้องหาวิธีการอื่นที่จะให้ประชาชนเข้าถึงการรับวัคซีนได้รวดเร็วกว่านี้.- สำนักข่าวไทย