กรุงเทพฯ 13 พ.ค. – เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เผย โควิดระลอก 3 และการกระจายวัคซีน กดดันตลาดหุ้นไทยต่ำ 1,600 จุด
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า โควิด-19 รอบ 3 ของไทยที่ยืดเยื้อมานาน และการยังรอวัคซีนล็อตใหญ่ของไทย เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นไทยต้องเคลื่อนไหวใต้ระดับ 1,600 จุด มาเกือบ 2 เดือน โดยมีช่วงเหวี่ยงถลาลงมา แถว 1,540 -1,550 จุด เป็นครั้งที่ 4 และเป็นการทดสอบน้ำใจของเส้นค่าเฉลี่ย 75 วัน อันเป็นอาวุธมาตรฐานชิ้นหนึ่ง ของนักเทรดที่ใช้เส้นกราฟเป็นองค์ประกอบ การกะเก็งจังหวะเข้าหรือออก
นอกจากนี้ กระแสความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของโลกที่เริ่มกลับมาจุดสนใจ อยู่ที่สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขดัชนี ราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. ดีดตัวขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือนและเมื่อเทียบรายปีดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.2% ซึ่งทั้ง 2 แบบสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ นักลงทุนจึงเริ่มกังวลว่า เฟดจะเบาไม้เบามือในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เร็วกว่าที่คาด รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลาย เชิงปริมาณ (QE) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน
เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน มองว่า ไม่ได้กังวลตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวมากนัก เพราะส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ช่วงเดือนเม.ย.ปีนี้ ได้ฟื้นตัวขึ้นมามาก เมื่อเทียบกับฐานปีก่อนซึ่งมีจุดต่ำสุดอยู่แถวเดือนเม.ย.2563 เมื่อรอไปสัก 2-3 เดือน ฐานเปรียบเทียบจะเลื่อนต่อไป ตัวเลข CPI ก็น่าจะเบาลง
อย่างไรก็ตาม หากไปพิจารณา ในประเด็นแวดล้อมอื่นๆ ก็มีความเหมาะสม หลายประการที่ในไม่เกินปลายปีนี้ ที่เฟดจะถึง เวลาเบาไม้เบามือมาตรการผ่อนคลายเสียที
ปัจจุบันนี้สหรัฐสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายวันลงมาได้อย่างมาก และสามารถฟื้นเศรษฐกิจขึ้นมาได้อย่างชัดเจน จนล่าสุดคาดกันว่าปี 2564 GDP ของสหรัฐ จะเติบโตถึง 6.5% เป็นเอาคืนทบต้น ทบดอกจากการติดลบ 3.5% ในปี 2563 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 รวมถึง ดัชนี Nasdaq ซึ่งเป็นตัวสะท้อน ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจได้เช่นกัน ก็ทะยาน สูงไปกว่าระดับต้นปี 2563 ก่อนถูกโควิด-19 เข้าถล่มด้วยซ้ำไป มีเพียงอัตราดอกเบี้ยเฟดเท่านั้น ที่ จะเป็นปัจจัยต้านการขึ้นของราคาหุ้นบ้างเป็นระยะเมื่อนักลงทุนนึกขึ้นได้
ขณะที่ประเทศไทย ยังต้องรับมือกับโควิด-19 อีกสักระยะและยังรอวันเวลามีวัคซีนล็อตที่ใหญ่ พร้อมแนะหากนักลงทุนยังมีพอร์ตหุ้นไทยน้อย น่าจะเริ่มทยอยเก็บหุ้นดีที่ได้ประกาศ ผลดำเนินงานไตรมาส 1 ที่ดี แนะนำให้แบ่งพอร์ตในหุ้นไทย ที่ 20% และให้เพิ่มเป็น 25% ที่ 1,500 จุด และครั้งนี้ขอเพิ่มเติมที่ระดับ 1,450 จุด ถือหุ้นไทยเป็น 30% ส่วนกองทุนหุ้นต่างประเทศ ที่แนะนำไว้ที่ 15% นั้น ช่วงที่หุ้นโลก กลัวเงินเฟ้อแล้วปรับลงน่าจะเพิ่มน้ำหนัก เป็น 20% โดยต้องช้อนหุ้นตอนตก ของตลาดสหรัฐด้วย เพราะไบเดน ผลงานดีเกินคาด
ด้านทองคำ ที่เดิมแนะนำไว้ที่ 15% หากราคาไทยแตะ 27,200 บาท และมีกำไร แนะทำกำไรออกเหลือ 12% ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ชั้นดีเดิมมี 50% ก็จะลดไปถือหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศตามเกณฑ์ข้างต้นจะเหลือ 40%
สำหรับหุ้นไทย ขอแนะโดยย่อให้ดูหุ้น ที่ประกาศผลดำเนินงานที่ดี และ มีบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในหมวดพลังงาน ธนาคารเอกชน วัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ ถุงมือยาง เป็นต้น . – สำนักข่าวไทย