สธ.11 พ.ค.-สธ.เปิดแผนลุยฉีดวัคซีน กทม. 7.5 ล้านคน รวมแรงงานต่างด้าว ไม่สนถูกหรือผิดกฏหมาย ย้ำวัคซีนที่ดีที่สุด คือการฉีดให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)เปิดเผยภายหลังการประชุมอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีน ว่าที่ประชุมมีข้อสรุปมั่นใจว่าจะมีวัคซีนเข้ามาจำนวนมากประมาณ 10ล้านโดสในเดือน มิ.ย.ดังนั้นจะต้องมีการฉีดให้ประชาชนอย่างทั่วถึง โดยมีการฉีดหลายรูปแบบ คือ
1.การฉีดในสถานพยาบาล
- ฉีดในสถานที่อื่นๆ เช่น ศูนย์การค้า ยิมเนเซียม
3.การฉีดด้วยรถให้บริการฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ รุกเข้าไปในพื้นที่เช่น ตลาด ชุมชน ผู้ป่วยติดเตียง - ให้แต่ละองค์กรดำเนินการจัดฉีดเอง เช่น ทหาร ตำรวจ ที่มี รพ. หรือโรงงานที่มี รพ.ประกันสังคมอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การฉีดไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดต้องมีการเฝ้าระวังสังเกตอาการ 30 นาที เช่นเดิม
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ กทม. มีการพิจารณาว่าน่าจะใช้วัคซีนประมาณ 7.5 ล้านโดส หรือ 7.5 ล้านคน ฉีดครอบคลุมประชากรทุกคนในพื้นที่ รวมถึงแรงงานต่างด้าวกว่า 2 ล้านคนด้วย ซึ่งกรณีแรงงานต่างด้าวจะไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นแรงานถูกกฎหมาย หรือผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตามในจำนวน 7.5 ล้านโดสนี้ ตั้งเป้าว่าฉีดให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 70 หรือประมาณ 5 ล้านคน (5 ล้านโดส)
ทั้งนี้ ปัจจุบันกทม.ฉีดวัคซีนไปแล้วร้อยละ 5 ของประชากร เบื้องต้นภายในเดือนนี้จะมีวัคซีนของแอสตราเซเนกาเข้ามาก่อนประมาณ 1 ล้านโดส แต่ยังระบุวันที่ชัดเจนไม่ได้ จะถูกนำมาใช้ในพื้นที่การระบาด อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่เรามีอยู่ไม่ว่าตัวไหนก็ตามสามารถฉีดได้หมดเพราะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ ส่วนต่างจังหวัดจะกระจายวัคซีนลงไปให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดดำเนินการกระจายต่อไป
นพ.โสภณ กล่าวยืนยันว่าวัคซีนทุกตัวสามารถฉีดแล้วกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ ซิโนแวคเองมีการฉีดในพื้นที่ภูเก็ต แม่สอด รวมถึงสมุทรสาครก็พบว่าได้ผลดี ดังนั้นวัคซีนที่ดีคือฉีดให้เร็วที่สุดเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ป้องกันตัวเอง ป้องกันชุมชน และป้องกันประเทศชาติ วัคซีนจะช่วยให้เราจบการระบาดโควิด-19 ได้เร็ว. –สำนักข่าวไทย